วันอาทิตย์, ตุลาคม 19, 2025
spot_img
หน้าแรกดาวน์โหลดฟรีแจกปกฟรี แก้ไขได้ ชุด หน้าปก แบบข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA) สำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู โดย รักสอน มีรัก

แจกปกฟรี แก้ไขได้ ชุด หน้าปก แบบข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA) สำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู โดย รักสอน มีรัก


สวัสดีเพื่อนๆ สมาชิก ครูต้นไผ่ดอทคอม ทุกท่านครับ วันนี้พบกับ ครูต้นไผ่ดอทคอม เช่นเคยครับ วันนี้แอดมินมีไฟล์มาแนะนำให้เพื่อนๆ สมาชิกได้ดาวน์โหลดไปใช้งาน เป็นไฟล์ เอกสาร หน้าปก แบบข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA) สำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู ซึ่งเพื่อนๆ สมาชิกสามารถดาวน์โหลดนำศึกษาและนำไปเป็นแนวทางในการดำเนินการจัดทำ หน้าปก แบบข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA) สำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู ได้ครับ แอดมินขอแนะนำไฟล์ หน้าปก แบบข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA) สำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู ตามรายละเอียดดังนี้ ครับ

แจกปกฟรี แก้ไขได้ ชุด หน้าปก แบบข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA) สำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู โดย รักสอน มีรัก

คู่มือครบถ้วนแบบข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA) สำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู พร้อมเทคนิคการเขียนให้ผ่านเกณฑ์ประเมิน

แบบข้อตกลงในการพัฒนางาน หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า PA (Performance Agreement) เป็นเครื่องมือสำคัญในการประเมินผลการปฏิบัติราชการของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ซึ่งถือเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนคุณภาพการศึกษาไทยให้ก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง สำหรับครูผู้สอนในทุกระดับชั้น การทำความเข้าใจและการจัดทำ PA ที่มีคุณภาพจะส่งผลโดยตรงต่อการพัฒนาตนเองและการยกระดับคุณภาพการเรียนการสอน

การจัดทำแบบข้อตกลงในการพัฒนางานสำหรับตำแหน่งครูนั้นต้องอิงตามกรอบมาตรฐานวิชาชีพครูและบทบาทหน้าที่หลักของครูในการจัดการเรียนการสอน การสร้างสื่อการเรียนรู้ การวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน การพัฒนาหลักสูตรท้องถิน การดูแลช่วยเหลือนักเรียน และการมีส่วนร่วมในกิจกรรมของสถานศึกษาและชุมชน ครูแต่ละคนจะต้องกำหนดเป้าหมายการทำงานที่ชัดเจน วัดผลได้ และสอดคล้องกับนโยบายการศึกษาของประเทศ

องค์ประกอบหลักของแบบข้อตกลงในการพัฒนางานประกอบด้วยส่วนสำคัญหลายส่วน เริ่มต้นจากการวิเคราะห์บทบาทหน้าที่ของตำแหน่งครู ซึ่งครูจะต้องระบุความรับผิดชอบหลักในการจัดการเรียนการสอนให้เป็นไปตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน การพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ การใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา การทำวิจัยในชั้นเรียน การจัดกิจกรรมเสริมหลักสูตร และการปฏิบัติหน้าที่อื่นๆ ตามที่สถานศึกษามอบหมาย

ตัวชี้วัดผลงานเป็นหัวใจสำคัญของ PA ที่จะต้องกำหนดให้มีความเฉพาะเจาะจง วัดผลได้จริง สามารถบรรลุได้ และมีกรอบเวลาที่ชัดเจน สำหรับครูแล้ว ตัวชี้วัดควรครอบคลุมทั้งด้านปริมาณและคุณภาพ เช่น ร้อยละของนักเรียนที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนผ่านเกณฑ์ที่กำหนด จำนวนสื่อการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้นใหม่ จำนวนชิ้นงานวิจัยที่ดำเนินการเสร็จสมบูรณ์ ร้อยละของนักเรียนที่มีพฤติกรรมที่พึงประสงค์เพิ่มขึ้น และจำนวนกิจกรรมที่ส่งเสริมการเรียนรู้นอกห้องเรียนที่จัดขึ้น

เป้าหมายการทำงานในแบบข้อตกลงควรจัดแบ่งเป็นประเภทต่างๆ ให้ครอบคลุมทุกมิติของการปฏิบัติงานครู เป้าหมายด้านการจัดการเรียนการสอนอาจรวมถึงการพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ การใช้วิธีการสอนที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคล การประเมินผลการเรียนรู้แบบแท้จริง และการส่งเสริมทักษะการคิดขั้นสูงของผู้เรียน เป้าหมายด้านการพัฒนาตนเองอาจประกอบด้วยการเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาวิชาชีพ การศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น การทำวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน และการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับครูคนอื่น

กิจกรรมและกลยุทธ์ในการดำเนินงานจะต้องเชื่อมโยงกับเป้าหมายที่กำหนดไว้อย่างชัดเจน ครูควรระบุว่าจะใช้วิธีการใดในการบรรลุเป้าหมายแต่ละข้อ เช่น การจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning การสร้างสื่อการสอนดิจิทัล การใช้เกมการศึกษาในการสอน การจัดกิจกรรมการเรียนรู้นอกสถานที่ การทำโครงงานร่วมกับชุมชน การจัดตั้งชมรมวิชาการ และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการจัดการเรียนการสอน

การกำหนดกรอบเวลาในการดำเนินงานเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง ครูจะต้องแบ่งแยกกิจกรรมต่างๆ ตามช่วงเวลาในปีการศึกษา โดยคำนึงถึงปฏิทินวิชาการของสถานศึกษา ช่วงเปิดภาคเรียน การสอบกลางภาค การสอบปลายภาค วันหยุดต่างๆ และกิจกรรมพิเศษของสถานศึกษา การวางแผนการทำงานให้สอดคล้องกับกรอบเวลาที่มีอยู่จะช่วยให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุเป้าหมายที่วางไว้

ทรัพยากรที่ใช้ในการดำเนินงานต้องมีการระบุอย่างชัดเจนและเป็นรูปธรรม ครูควรคำนวณงบประมาณที่จำเป็น วัสดุอุปกรณ์ที่ต้องใช้ เทคโนโลยีที่จำเป็น บุคลากรที่ต้องประสานงานด้วย และสถานที่ที่จะใช้ในการดำเนินกิจกรรม การเตรียมทรัพยากรให้เพียงพอและเหมาะสมจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การปฏิบัติงานเป็นไปตามแผนที่วางไว้และให้ผลสำเร็จตามต้องการ

การประเมินผลและติดตามความก้าวหน้าเป็นกระบวนการที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องตลอดปีการศึกษา ครูจะต้องกำหนดช่วงเวลาในการทบทวนและประเมินผล เช่น รายเดือน รายไตรมาส หรือรายภาคเรียน โดยใช้เครื่องมือการประเมินที่หลากหลาย เช่น แบบสำรวจความพึงพอใจของนักเรียน การทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน การสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ และการรวบรวมหลักฐานเชิงประจักษ์ต่างๆ

เทคนิคการเขียนแบบข้อตกลงที่มีประสิทธิภาพเริ่มต้นจากการศึกษาบริบทของสถานศึกษาและชุมชนให้ถี่ถ้วน ครูควรวิเคราะห์จุดแข็งและจุดที่ควรพัฒนาของตนเอง นักเรียนที่รับผิดชอบ และสภาพแวดล้อมการเรียนการสอน การใช้ข้อมูลจากการประเมินครั้งก่อนหน้ามาเป็นฐานในการกำหนดเป้าหมายใหม่ และการศึกษาแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงทางการศึกษาเพื่อให้แผนงานมีความทันสมัยและตอบโจทย์ความต้องการของสังคม

การใช้ภาษาในการเขียนแบบข้อตกลงควรเป็นภาษาที่เฉพาะเจาะจง วัดผลได้ และเข้าใจง่าย หลีกเลี่ยงการใช้คำที่คลุมเครือหรือตีความได้หลายนัย เช่น แทนที่จะเขียนว่า “พัฒนานักเรียนให้ดีขึ้น” ควรเขียนว่า “ร้อยละ 80 ของนักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 10 คะแนนเมื่อเปรียบเทียบกับผลการทดสอบครั้งก่อนหน้า” การใช้ตัวเลขและร้อยละจะช่วยให้การประเมินผลมีความชัดเจนและแม่นยำยิ่งขึ้น

การเชื่อมโยงกับนโยบายการศึกษาระดับชาติและท้องถิ่นเป็นสิ่งจำเป็นที่จะทำให้แบบข้อตกลงมีความสอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาการศึกษาของประเทศ ครูควรศึกษานโยบายการศึกษา 4.0 แผนการศึกษาแห่งชาติ มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน และแนวทางการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สองเพื่อนำมาปรับใช้ในการกำหนดเป้าหมายและกิจกรรมการทำงาน

ความท้าทายในการจัดทำแบบข้อตกลงที่พบบ่อยได้แก่ การกำหนดเป้าหมายที่สูงเกินความเป็นจริงหรือต่ำเกินไป การไม่คำนึงถึงปัจจัยภายนอกที่อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงาน การขาดการเชื่อมโยงระหว่างกิจกรรมต่างๆ และการไม่มีแผนสำรองเมื่อเกิดปัญหาหรือสถานการณ์ไม่คาดคิด เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ ครูควรปรึกษาหารือกับผู้บริหารและเพื่อนร่วมงาน ศึกษาข้อมูลอ้างอิงจากแหล่งต่างๆ และทำการทดลองเล็กๆ ก่อนนำไปใช้ในระดับใหญ่

การบริหารจัดการเวลาในการปฏิบัติตามแบบข้อตกลงเป็นทักษะสำคัญที่ครูควรพัฒนา การแบ่งงานใหญ่ออกเป็นงานย่อยๆ การกำหนดลำดับความสำคัญของงาน การใช้เครื่องมือช่วยในการบริหารเวลา เช่น ปฏิทินดิจิทัล แอปพลิเคชันการจัดการงาน และการตั้งค่าการแจ้งเตือน จะช่วยให้การทำงานเป็นไปอย่างมีระบบและบรรลุเป้าหมายตามกำหนดเวลา

ความร่วมมือจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นปัจจัยที่ไม่ควรมองข้าม ครูจำเป็นต้องประสานงานกับผู้บริหารสถานศึกษา เพื่อนร่วมงาน ผู้ปกครอง และชุมชนเพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างราบรื่น การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ การแบ่งปันข้อมูลที่จำเป็น และการขอรับคำแนะนำจากผู้ที่มีประสบการณ์จะช่วยเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จ

เครื่องมือและเทคโนโลยีที่สามารถใช้สนับสนุนการดำเนินงานตามแบบข้อตกลงมีมากมาย เช่น ระบบการจัดการการเรียนรู้ออนไลน์ แพลตฟอร์มการสร้างสื่อดิจิทัล แอปพลิเคชันการประเมินผล ระบบการจัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูล และเครื่องมือการสื่อสารออนไลน์ การเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและลดภาระงานที่ไม่จำเป็น

การเก็บรวบรวมหลักฐานและเอกสารประกอบการประเมินเป็นสิ่งสำคัญที่ครูต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง การจัดเก็บผลงานของนักเรียน การบันทึกภาพกิจกรรมต่างๆ การรวบรวมข้อมูลผลการทดสอบ การเก็บใบรับรองการเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาตนเอง และการจัดทำรายงานความก้าวหน้าเป็นระยะ จะเป็นหลักฐานสำคัญในการแสดงให้เห็นว่าได้ปฏิบัติงานตามแผนที่วางไว้จริง

การเรียนรู้และปรับปรุงอย่างต่อเนื่องเป็นหัวใจสำคัญของการทำงานตามแบบข้อตกลง ครูควรมีการสะท้อนผลการทำงานเป็นระยะ วิเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จหรือความล้มเหลว แสวงหาแนวทางในการพัฒนาปรับปรุง และประยุกต์ใช้ความรู้ใหม่ๆ ที่ได้รับมาใช้ในการปฏิบัติงาน การเปิดใจรับฟังข้อเสนอแนะจากผู้อื่นและการแลกเปลี่ยนประสบการณ์จะช่วยให้การทำงานในปีต่อไปมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ตัวอย่างเป้าหมายที่ดีสำหรับครูวิชาคณิตศาสตร์อาจเป็น “พัฒนาให้นักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 ร้อยละ 85 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำ 50 คะแนน โดยใช้วิธีการสอนแบบ Active Learning และการใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา ภายในระยะเวลา 1 ปีการศึกษา” เป้าหมายนี้มีความชัดเจน วัดผลได้ และมีกรอบเวลาที่แน่นอน

สำหรับครูวิชาภาษาไทย เป้าหมายที่เหมาะสมอาจเป็น “สร้างสื่อการเรียนรู้ดิจิทัลสำหรับการสอนวรรณคดีไทยจำนวน 10 ชิ้น และจัดกิจกรรมการแสดงละครจากวรรณคดีไทย 2 เรื่อง เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจและความชื่นชมในวรรณกรรมไทยเพิ่มขึ้นร้อยละ 70 เมื่อเปรียบเทียบกับก่อนการจัดกิจกรรม”

ครูวิชาวิทยาศาสตร์อาจกำหนดเป้าหมายเป็น “พัฒนาโครงงานวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมในชุมชนร่วมกับนักเรียน จำนวน 5 โครงงาน และนำเสนอผลงานในงานแสดงผลงานวิทยาศาสตร์ระดับจังหวัด โดยมีเป้าหมายให้ได้รับรางวัลอย่างน้อย 2 โครงงาน เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้แบบลงมือปฏิบัติและการแก้ปัญหาเชิงวิทยาศาสตร์”

การติดตามและประเมินผลแบบข้อตกลงควรใช้วิธีการที่หลากหลายและครอบคลุมทุกมิติของการปฏิบัติงาน การใช้แบบประเมินตนเอง การประเมินโดยผู้บังคับบัญชา การประเมินโดยเพื่อนร่วมงาน การสำรวจความคิดเห็นของนักเรียนและผู้ปกครอง และการใช้ข้อมูลเชิงประจักษ์จากผลการปฏิบัติงานจริง จะให้ภาพรวมที่ครบถ้วนและเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาในอนาคต

ปัจจัยแห่งความสำเร็จในการดำเนินงานตามแบบข้อตกลงประกอบด้วยความมุ่งมั่นและทุ่มเทของครู การได้รับการสนับสนุนจากองค์กร ความพร้อมของทรัพยากรและสิ่งอำนวยความสะดวก การมีส่วนร่วมของนักเรียนและผู้ปกครอง และบรรยากาศการทำงานที่เอื้ออำนวยต่อการเรียนรู้และการพัฒนา

“ข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA) แนวทางใหม่เพื่อพัฒนาศักยภาพครู”

ความสำคัญของข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA) สำหรับข้าราชการครู

การพัฒนาคุณภาพการศึกษาในยุคปัจจุบันต้องอาศัยการปรับปรุงระบบและกลไกการบริหารงานในสถานศึกษา ซึ่ง “ข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA)” ถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนการพัฒนางานของข้าราชการครูให้ตอบสนองต่อเป้าหมายการศึกษาแห่งชาติ

ข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA) เป็นกระบวนการที่กำหนดแนวทางการทำงานร่วมกันระหว่างครูและผู้บริหารสถานศึกษา เพื่อสร้างความชัดเจนในหน้าที่และความรับผิดชอบ โดยมีจุดประสงค์หลักดังนี้

  1. เพิ่มประสิทธิภาพและความโปร่งใส ในการปฏิบัติหน้าที่
  2. สร้างแรงจูงใจในการพัฒนาตนเอง ผ่านการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน
  3. สนับสนุนการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน โดยให้ครูมุ่งเน้นกระบวนการจัดการเรียนรู้ที่มีผลสัมฤทธิ์

เมื่อครูเข้าใจและปฏิบัติตาม PA อย่างเหมาะสม นอกจากจะเป็นการสร้างคุณค่าในวิชาชีพครู ยังช่วยสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อการพัฒนาผู้เรียนในระยะยาวอีกด้วย

องค์ประกอบหลักของข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA) สำหรับครู

ข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA) ประกอบด้วย 4 ส่วนสำคัญที่ช่วยสนับสนุนการดำเนินงานของข้าราชการครูให้บรรลุเป้าหมาย ดังนี้

  1. ขอบเขตงาน (Job Description)
    ระบุหน้าที่และความรับผิดชอบในบทบาทครู เช่น การจัดการเรียนการสอน การวัดและประเมินผล การพัฒนาหลักสูตร และการส่งเสริมพฤติกรรมที่เหมาะสมของผู้เรียน
  2. เป้าหมายการพัฒนา (Development Goals)
    การกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนเกี่ยวกับการพัฒนางาน เช่น การปรับปรุงคุณภาพการสอน การเพิ่มผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หรือการส่งเสริมการเรียนรู้เชิงนวัตกรรม
  3. ตัวชี้วัดความสำเร็จ (Key Performance Indicators)
    การตั้งเกณฑ์วัดผลที่สามารถประเมินได้ เช่น อัตราการพัฒนาคะแนนสอบของผู้เรียน ความพึงพอใจของนักเรียนต่อการเรียนการสอน หรือผลสัมฤทธิ์ของกิจกรรมพิเศษ
  4. แผนการพัฒนาตนเอง (Individual Development Plan)
    การวางแผนการเรียนรู้เพิ่มเติม เช่น การเข้าร่วมอบรม การศึกษาต่อเนื่อง หรือการเข้าร่วมกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เพื่อเพิ่มศักยภาพการสอนและความรู้วิชาชีพ

องค์ประกอบเหล่านี้ช่วยสร้างระบบการทำงานที่มีความยืดหยุ่น โปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้ สร้างมาตรฐานวิชาชีพครูให้สอดคล้องกับบริบทสังคมปัจจุบัน

แนวทางการจัดทำข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA) อย่างมีประสิทธิภาพ

การจัดทำข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA) ต้องอาศัยการวางแผนที่รอบคอบและการมีส่วนร่วมจากทุกฝ่าย เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมาย ดังนั้นครูสามารถดำเนินการดังนี้

  1. ศึกษานโยบายและเป้าหมายของสถานศึกษา
    ครูควรเริ่มต้นจากการทำความเข้าใจทิศทางและเป้าหมายของสถานศึกษา เพื่อให้ PA สอดคล้องกับบริบทและความต้องการของโรงเรียน
  2. วิเคราะห์ศักยภาพและความต้องการของตนเอง
    ครูควรประเมินตนเองในด้านจุดแข็งและจุดที่ต้องพัฒนา เช่น ทักษะการสอน เทคโนโลยี หรือการบริหารจัดการชั้นเรียน
  3. กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนและวัดผลได้
    เป้าหมายต้องสอดคล้องกับหลัก SMART (Specific, Measurable, Achievable, Relevant, Time-bound) เพื่อให้สามารถประเมินความก้าวหน้าได้
  4. ร่วมมือกับผู้บริหารและเพื่อนร่วมงาน
    การขอคำปรึกษาและรับฟังความคิดเห็นจากผู้บริหารหรือเพื่อนครูช่วยให้ PA มีความครอบคลุมและสมบูรณ์
  5. ติดตามและปรับปรุง PA อย่างต่อเนื่อง
    การประเมินผลตามระยะเวลาที่กำหนดช่วยให้ครูสามารถปรับปรุงแผนงานให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง

การจัดทำ PA อย่างมีประสิทธิภาพไม่เพียงช่วยพัฒนาความก้าวหน้าในวิชาชีพครู แต่ยังส่งเสริมการเรียนรู้ของนักเรียนให้มีคุณภาพสูงขึ้น เป็นรากฐานที่สำคัญของการศึกษาที่มีความยั่งยืน

ตัวอย่างไฟล์ หน้าปก แบบข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA) สำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู


หน้าปก แบบข้อตกลงในการพัฒนา (PA) สำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู
หน้าปก แบบข้อตกลงในการพัฒนา (PA) สำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู
หน้าปก แบบข้อตกลงในการพัฒนา (PA) สำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู

เอกสารเป็นไฟล์ Power Point แก้ไขได้

ดาวน์โหลดไฟล์เอกสารจากลิงก์ด้านล่างนี้ นะครับ

ขอบคุณแหล่งที่มา : รักสอน มีรัก

บทความที่เกี่ยวข้อง

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

ข่าวยอดนิยม

ความคิดเห็นล่าสุด