สวัสดีเพื่อนๆ สมาชิก ครูต้นไผ่ดอทคอม ทุกท่านครับ วันนี้พบกับ ครูต้นไผ่ดอทคอม เช่นเคยครับ วันนี้แอดมินมีไฟล์มาแนะนำให้เพื่อนๆ สมาชิกได้ดาวน์โหลดไปใช้งาน เป็นไฟล์ แผนปฏิบัติราชการระยะ 5 ปี (พ.ศ.2566 – 2570) ซึ่งเพื่อนๆ สมาชิกสามารถดาวน์โหลดนำศึกษาและนำไปเป็นแนวทางในการดำเนินการตามแผนปฏิบัติราชการระยะ 5 ปี (พ.ศ.2566 – 2570) ได้ครับ แอดมินขอแนะนำไฟล์ แผนปฏิบัติราชการระยะ 5 ปี (พ.ศ.2566 – 2570) ตามรายละเอียดดังนี้ ครับ
ดาวน์โหลด แผนปฏิบัติราชการระยะ 5 ปี (พ.ศ.2566 – 2570) โดย สำนักนโยบายและแผนการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ

แผนปฏิบัติราชการระยะ 5 ปี พ.ศ 2566-2570 นโยบายขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ความยั่งยืนและการพัฒนาที่เท่าเทียม
แผนปฏิบัติราชการระยะ 5 ปี พ.ศ 2566-2570 ถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลและการพัฒนาประเทศไทยให้ก้าวหน้าอย่างยั่งยืน โดยมุ่งเน้นการสร้างความเป็นธรรมในสังคม การพัฒนาเศรษฐกิจที่มีคุณภาพ และการรักษาสิ่งแวดล้อมเพื่อคนรุ่นหลัง แผนนี้จัดทำขึ้นภายใต้วิสัยทัศน์ของการเป็นประเทศพัฒนาแล้วที่มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ด้วยหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและการมีส่วนร่วมของประชาชนทุกระดับ
การจัดทำแผนปฏิบัติราชการระยะ 5 ปีนี้เกิดขึ้นจากความจำเป็นในการปรับตัวให้สอดคล้องกับสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งด้านเทคโนโลยี สังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม รัฐบาลตระหนักดีว่าการพัฒนาประเทศไม่สามารถพึ่งพาแนวทางเดิมๆ ได้อีกต่อไป จึงจำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์และวิธีการทำงานให้สอดคล้องกับบริบทใหม่ที่เกิดขึ้น
ยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลและนวัตกรรมเป็นหนึ่งในแกนหลักของแผนนี้ โดยมุ่งเน้นการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ลดต้นทุน และสร้างโอกาสใหม่ๆ ในการประกอบอาชีพ รัฐบาลได้กำหนดเป้าหมายให้ประเทศไทยเป็น Digital Hub ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล การสร้างกำลังคนที่มีทักษะดิจิทัล และการปรับปรุงกฎหมายและระเบียบต่างๆ ให้รองรับการเปลี่ยนแปลงนี้
การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และการศึกษาได้รับการให้ความสำคัญอย่างสูงในแผนนี้ เนื่องจากการพัฒนาประเทศที่แท้จริงต้องเริ่มต้นจากการพัฒนาคน รัฐบาลมุ่งเน้นการปฏิรูปการศึกษาให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานในศตวรรษที่ 21 โดยเน้นการเรียนรู้เชิงปฏิบัติ การพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ และการใช้เทคโนโลยี นอกจากนี้ยังมีการส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต เพื่อให้คนไทยสามารถปรับตัวได้ตามการเปลี่ยนแปลงของโลก
ด้านการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและ SMEs แผนปฏิบัติราชการนี้ให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจชุมชนและวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม โดยการให้การสนับสนุนด้านเงินทุน เทคโนโลยี การตลาด และการพัฒนาทักษะ เพื่อให้ SMEs สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลกและเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ รัฐบาลตั้งเป้าหมายให้ SMEs มีส่วนแบ่งใน GDP เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 43 เป็นร้อยละ 50 ภายในปี 2570
การสร้างความเท่าเทียมและลดความเหลื่อมล้ำในสังคมเป็นอีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่แผนนี้ให้ความสำคัญ รัฐบาลมุ่งเน้นการกระจายโอกาสการพัฒนาให้ทั่วถึงทุกภูมิภาค โดยเฉพาะพื้นที่ห่างไกลและชุมชนที่ด้อยโอกาส ผ่านการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน การให้บริการสาธารณะที่มีคุณภาพ และการสร้างโอกาสในการประกอบอาชีพ นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงระบบสวัสดิการสังคมให้ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการพัฒนาที่ยั่งยืนได้รับการบรรจุไว้เป็นแกนหลักของแผนปฏิบัติราชการ โดยมุ่งเน้นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด การจัดการของเสียอย่างมีประสิทธิภาพ และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ รัฐบาลตั้งเป้าหมายให้ประเทศไทยบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2580 และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2608
ด้านการต่างประเทศและความมั่นคง แผนนี้เน้นการสร้างความร่วมมือกับนานาประเทศในการแก้ไขปัญหาร่วมกันและการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในกรอบ ASEAN และการร่วมมือกับประเทศคู่ค้าสำคัญ นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นการเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหาร พลังงาน และน้ำ เพื่อลดการพึ่งพาจากต่างประเทศและเพิ่มความสามารถในการรับมือกับวิกฤตต่างๆ
การปฏิรูปภาครัฐและการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการเป็นส่วนสำคัญของแผนนี้ รัฐบาลมุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการให้บริการประชาชน การลดขั้นตอนและระยะเวลาในการดำเนินการ และการเพิ่มความโปร่งใสในการทำงานของหน่วยงานรัฐ เป้าหมายคือการทำให้ภาครัฐเป็นองค์กรที่ทันสมัย มีประสิทธิภาพ และตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างรวดเร็วและมีคุณภาพ
การส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเป็นอีกหนึ่งยุทธศาสตร์สำคัญ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาการท่องเที่ยวที่เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ การอนุรักษ์แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติและวัฒนธรรม และการสร้างรายได้ให้กับชุมชนท้องถิ่น รัฐบาลตั้งเป้าหมายให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนและมีคุณภาพระดับโลก โดยเน้นการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เชิงวัฒนธรรม และเชิงธรรมชาติ
ด้านการเกษตรและความมั่นคงทางอาหาร แผนปฏิบัติราชการมุ่งเน้นการเปลี่ยนผ่านจากการเกษตรแบบดั้งเดิมสู่การเกษตรสมัยใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม การส่งเสริมการเกษตรอินทรีย์ การเกษตรแม่นยำ และการเกษตรอัจฉริยะ เพื่อเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิตทางการเกษตร นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นการสร้างห่วงโซ่อุปทานอาหารที่มีคุณภาพและปลอดภัย
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการขนส่งได้รับการให้ความสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูง การขนส่งทางน้ำ และการขนส่งสาธารณะในเมืองใหญ่ เพื่อลดการจราจรติดขัด ลดมลพิษ และเพิ่มประสิทธิภาพในการเคลื่อนย้ายสินค้าและบุคคล รัฐบาลมุ่งเน้นการสร้างระบบขนส่งที่เชื่อมโยงทั่วประเทศและเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน
การพัฒนาระบบสาธารณสุขและการดูแลสุขภาพประชาชนเป็นอีกหนึ่งความสำคัญของแผนนี้ โดยมุ่งเน้นการป้องกันโรคมากกว่าการรักษา การส่งเสริมสุขภาพทั้งกาย จิต และสังคม และการพัฒนาระบบการแพทย์ที่ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม รัฐบาลตั้งเป้าหมายให้คนไทยมีอายุขัยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
การส่งเสริมศิลปะ วัฒนธรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่นได้รับการบรรจุไว้ในแผนปฏิบัติราชการ เพื่อสร้างเอกลักษณ์และความภาคภูมิใจในความเป็นไทย พร้อมทั้งพัฒนาให้เป็นแหล่งรายได้และการจ้างงาน โดยการส่งเสริมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และการส่งออกสินค้าที่มีมูลค่าทางวัฒนธรรม
ด้านการพัฒนาเมืองและการผังเมือง แผนนี้มุ่งเน้นการสร้างเมืองที่น่าอยู่ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และตอบสนองความต้องการของประชาชนในศตวรรษที่ 21 โดยการพัฒนา Smart City การสร้างพื้นที่สีเขียว การจัดการน้ำเสียและขยะอย่างมีประสิทธิภาพ และการสร้างระบบขนส่งสาธารณะที่ครอบคลุม
การเสริมสร้างความมั่นคงทางไซเบอร์และการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นประเด็นใหม่ที่แผนนี้ให้ความสำคัญ เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในทุกด้านของชีวิต รัฐบาลมุ่งเน้นการสร้างระบบป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ การพัฒนากำลังคนด้านความมั่นคงไซเบอร์ และการสร้างความตรหนักรู้ให้กับประชาชนเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีอย่างปลอดภัย
การพัฒนาตลาดทุนและระบบการเงินให้มีความแข็งแกร่งและสามารถรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจได้เป็นอีกหนึ่งเป้าหมายของแผนนี้ โดยการส่งเสริมการออมและการลงทุนของประชาชน การพัฒนาตราสารทางการเงินใหม่ๆ และการเสริมสร้างความเชื่อมั่นในระบบการเงิน
การส่งเสริมการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาประเทศสู่เศรษฐกิจฐานความรู้ รัฐบาลตั้งเป้าหมายให้การลงทุนในการวิจัยและพัฒนาเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 1.5 ของ GDP ภายในปี 2570 พร้อมทั้งส่งเสริมการเชื่อมโยงระหว่างสถาบันการศึกษา สถาบันวิจัย และภาคเอกชน
การจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนเป็นความท้าทายสำคัญที่แผนนี้ต้องรับมือ โดยการพัฒนาระบบการจัดเก็บ การกระจาย และการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ การป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยและภัยแล้ง และการรักษาคุณภาพแหล่งน้ำ รัฐบาลมุ่งเน้นการบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการที่เชื่อมโยงทุกภาคส่วน
การพัฒนาพลังงานสะอาดและการเปลี่ยนผ่านทางพลังงานเป็นอีกหนึ่งยุทธศาสตร์สำคัญ โดยการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และการลดการพึ่งพาพลังงานจากต่างประเทศ รัฐบาลตั้งเป้าหมายให้พลังงานทดแทนมีสัดส่วนร้อยละ 30 ของการใช้พลังงานทั้งหมดภายในปี 2570
ด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ แผนนี้มุ่งเน้นการสร้างระบบตรวจสอบและถ่วงดุลที่มีประสิทธิภาพ การส่งเสริมความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานรัฐ และการปลูกฝังจิตสำนึกความซื่อสัตย์สุจริตในสังคม
การพัฒนาระบบยุติธรรมให้มีความเป็นธรรม รวดเร็ว และเข้าถึงได้เป็นเป้าหมายสำคัญของแผนนี้ โดยการปรับปรุงกระบวนการพิจารณาคดี การใช้เทคโนโลยีในระบบยุติธรรม และการเสริมสร้างการเข้าถึงบริการทางกฎหมายของประชาชน
การเสริมสร้างสังคมสูงวัยที่มีคุณภาพเป็นความท้าทายใหม่ที่ประเทศไทยต้องเตรียมพร้อม โดยการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุ การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้สูงอายุในสังคม และการสร้างโอกาสการทำงานที่เหมาะสมกับวัย รัฐบาลมุ่งเน้นการสร้างสังคมที่เป็นมิตรกับผู้สูงอายุและใช้ประโยชน์จากภูมิปัญญาและประสบการณ์ของพวกเขา
การส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศและการคุ้มครองสิทธิของกลุ่มเปราะบางได้รับการบรรจุไว้ในแผนนี้ เพื่อสร้างสังคมที่ทุกคนมีโอกาสเท่าเทียมกันในการพัฒนาตนเองและมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ
การพัฒนาระบบการศึกษาวิชาชีพและการฝึกอบรมทักษะใหม่เป็นส่วนสำคัญของการเตรียมพร้อมกำลังคนสำหรับอนาคต โดยการเชื่อมโยงระหว่างสถาบันการศึกษาและภาคเอกชน การพัฒนาหลักสูตรที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน และการส่งเสริมการเรียนรู้ทักษะใหม่ตลอดชีวิต
การจัดการวิกฤตและภัยพิบัติเป็นอีกหนึ่งความสำคัญที่แผนนี้ให้ความสำคัญ โดยการสร้างระบบเตือนภัยที่มีประสิทธิภาพ การเตรียมความพร้อมของชุมชน และการฟื้นฟูอย่างรวดเร็วหลังเกิดภัยพิบัติ รัฐบาลมุ่งเน้นการสร้างความยืดหยุ่นของสังคมและเศรษฐกิจต่อภัยพิบัติต่างๆ
การส่งเสริมการกีฬาและนันทนาการเพื่อสุขภาพประชาชนและการสร้างเอกลักษณ์ทางกีฬาของประเทศเป็นส่วนหนึ่งของแผนนี้ โดยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านกีฬา การส่งเสริมกีฬาสำหรับทุกคน และการพัฒนานักกีฬาระดับโลก
แผนปฏิบัติราชการระยะ 5 ปี พ.ศ 2566-2570 นี้เป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่อนาคตที่เจริญรุ่งเรืองและยั่งยืน ความสำเร็จของแผนนี้ขึ้นอยู่กับการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในสังคม ทั้งภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม และประชาชนทุกคน การติดตามประเมินผลและการปรับปรุงแผนอย่างต่อเนื่องจะเป็นกุญแจสำคัญในการทำให้แผนนี้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้
ด้วยความมุ่งมั่นและการทำงานร่วมกันของคนไทยทุกคน ประเทศไทยจะสามารถก้าวผ่านความท้าทายต่างๆ และเติบโตเป็นประเทศที่มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนอย่างแท้จริง แผนปฏิบัติราชการนี้จึงไม่ใช่เพียงแค่เอกสารทางราชการ แต่เป็นแผนที่นำทางสู่อนาคตที่สดใสของประเทศไทยและประชาชนชาวไทยทุกคน
“ยุทธศาสตร์อนาคต : แผนปฏิบัติราชการระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2566 – 2570)”
ความสำคัญของแผนปฏิบัติราชการระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2566 – 2570)
แผนปฏิบัติราชการระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2566 – 2570) เป็นเครื่องมือสำคัญที่รัฐบาลและหน่วยงานต่างๆ ใช้ในการกำหนดทิศทางการพัฒนาประเทศในระยะยาว เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องและยั่งยืนในทุกมิติ ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
แผนดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายหลักเพื่อสร้างความสมดุลระหว่างการพัฒนาทางเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชน โดยมุ่งเน้นการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของโลก เช่น การปฏิวัติทางดิจิทัลและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
นอกจากนี้ แผนปฏิบัติราชการระยะ 5 ปี ยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของประเทศไทยในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals – SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ ซึ่งช่วยเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศและความมั่นคงทางเศรษฐกิจในภูมิภาค
ประเด็นสำคัญในแผนปฏิบัติราชการระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2566 – 2570)
แผนปฏิบัติราชการระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2566 – 2570) ประกอบด้วยประเด็นสำคัญหลายด้านที่มุ่งตอบโจทย์ความท้าทายของประเทศในอนาคต ดังนี้:
- การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลและนวัตกรรม
มีการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในภาคการผลิตและบริการ รวมถึงการพัฒนาทักษะแรงงานให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด - การลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม
เน้นการเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงบริการพื้นฐาน เช่น การศึกษาและสาธารณสุข พร้อมทั้งสนับสนุนการสร้างอาชีพและรายได้ให้กับประชาชนกลุ่มเปราะบาง - การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
มุ่งเน้นการพัฒนาที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การลดก๊าซเรือนกระจก และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ - การเสริมสร้างความมั่นคงทางสังคมและการป้องกันภัยคุกคาม
รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบความปลอดภัย การรับมือภัยธรรมชาติ และการป้องกันปัญหาความขัดแย้งในระดับท้องถิ่นและระดับชาติ
ผลกระทบและโอกาสจากแผนปฏิบัติราชการระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2566 – 2570)
แผนปฏิบัติราชการระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2566 – 2570) จะสร้างผลกระทบในเชิงบวกและเปิดโอกาสใหม่ๆ ในหลายมิติสำหรับประเทศไทย
- ผลกระทบเชิงบวก
- การพัฒนาเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน
- คุณภาพชีวิตของประชาชนที่ดีขึ้นผ่านโครงการพัฒนาต่างๆ เช่น การสร้างงานและโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย
- สิ่งแวดล้อมที่ได้รับการดูแลและฟื้นฟู ส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน
- โอกาสใหม่ๆ
- การเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจโลกผ่านการพัฒนาด้านเทคโนโลยีและการลงทุนจากต่างประเทศ
- การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในเวทีโลก
- การสร้างสังคมที่เท่าเทียมและมีความร่วมมือที่เข้มแข็งในทุกภาคส่วน
ในระยะยาว แผนปฏิบัติราชการระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2566 – 2570) จะเป็นตัวขับเคลื่อนให้ประเทศไทยก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยความมั่งคั่งและความยั่งยืนในทุกด้าน
ตัวอย่างไฟล์ แผนปฏิบัติราชการระยะ 5 ปี (พ.ศ.2566 – 2570)







