สวัสดีเพื่อนๆ สมาชิก ครูต้นไผ่ดอทคอม ทุกท่านครับ วันนี้พบกับ ครูต้นไผ่ดอทคอม เช่นเคยครับ วันนี้แอดมินมีไฟล์มาแนะนำให้เพื่อนๆ สมาชิกได้ดาวน์โหลดไปใช้งาน เป็นไฟล์ เอกสารชุดแนวทางการพัฒนาการเรียนรู้ สำหรับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ เล่มที่ 2 เทคนิค วิธีการและสื่อสำหรับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ด้านการเขียน ซึ่งเพื่อนๆ สมาชิกสามารถดาวน์โหลดนำไปศึกษาและนำไปเป็นแนวทาง ในการเรียนรู้ตามเอกสารชุดแนวทางการพัฒนาการเรียนรู้ สำหรับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ เล่มที่ 2 เทคนิค วิธีการและสื่อสำหรับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ด้านการเขียน ให้กับนักเรียน ตามบริบทของห้องเรียน ได้ครับ แอดมินขอแนะนำไฟล์ เอกสารชุดแนวทางการพัฒนาการเรียนรู้ สำหรับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ เล่มที่ 2 เทคนิค วิธีการและสื่อสำหรับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ด้านการเขียน ตามรายละเอียดดังนี้ ครับ
ดาวน์โหลด เอกสารชุดแนวทางการพัฒนาการเรียนรู้ สำหรับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ เล่มที่ 2 เทคนิค วิธีการและสื่อสำหรับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ด้านการเขียน โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน

เทคนิคและวิธีการพัฒนาทักษะการเขียนสำหรับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ สำหรับครูและผู้ปกครอง
การพัฒนาทักษะการเขียนสำหรับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ถือเป็นความท้าทายที่สำคัญในระบบการศึกษาไทย เนื่องจากนักเรียนกลุ่มนี้มีความต้องการพิเศษที่แตกต่างจากนักเรียนทั่วไป การเขียนซึ่งเป็นทักษะพื้นฐานที่จำเป็นต่อการเรียนรู้ในทุกสาขาวิชา จึงต้องการเทคนิคและวิธีการที่เฉพาะเจาะจงเพื่อให้นักเรียนเหล่านี้สามารถพัฒนาความสามารถของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เอกสารชุดแนวทางการพัฒนาการเรียนรู้สำหรับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ เล่มที่ 2 ที่เน้นเรื่องเทคนิค วิธีการและสื่อสำหรับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ด้านการเขียน ได้รวบรวมแนวทางปฏิบัติที่มีประสิทธิผลจากการวิจัยและประสบการณ์จริงของนักการศึกษาทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเป็นแนวทางสำหรับครูผู้สอน ผู้ปกครอง และบุคลากรที่เกี่ยวข้องในการช่วยเหลือนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ด้านการเขียนให้สามารถพัฒนาทักษะการเขียนได้อย่างเหมาะสม
ความบกพร่องทางการเรียนรู้ด้านการเขียนหรือที่เรียกว่า Dysgraphia เป็นความผิดปกติทางประสาทวิทยาที่ส่งผลต่อความสามารถในการเขียน นักเรียนที่มีปัญหานี้มักจะประสบกับความยากลำบากในการควบคุมการเคลื่อนไหวของมือเพื่อเขียนตัวอักษร การจัดลำดับความคิด การถ่ายทอดความคิดเป็นตัวหนังสือ รวมไปถึงการใช้ไวยากรณ์และการสะกดคำ อาการเหล่านี้ไม่ได้เกิดจากความขาดแคลนทางสติปัญญาหรือการขาดการศึกษา แต่เป็นผลมาจากความแตกต่างในการทำงานของสมองที่ควบคุมกระบวนการเขียน
การเข้าใจลักษณะและความต้องการของนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ด้านการเขียนเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญ นักเรียนเหล่านี้อาจแสดงอาการหลากหลาย เช่น การเขียนตัวอักษรที่ไม่ชัดเจน ขนาดตัวอักษรที่ไม่สม่ำเสมอ การจับปากกาที่ไม่ถูกต้อง ความเร็วในการเขียนที่ช้า การเขียนที่ต้องใช้ความพยายามมาก จนทำให้เกิดความเหนื่อยล้าได้ง่าย นอกจากนี้ยังรวมไปถึงปัญหาในการจัดองค์ประกอบของงานเขียน การใช้เครื่องหมายวรรคตอน และการแสดงออกซึ่งความคิดผ่านการเขียนอย่างมีระบบ
เทคนิคการสอนการเขียนสำหรับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้จำเป็นต้องมีความหลากหลายและยืดหยุ่น โดยเริ่มต้นจากการพัฒนาทักษะการเตรียมการเขียนหรือ Pre-writing skills ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะช่วยให้นักเรียนมีความพร้อมในการเขียนได้ดีขึ้น กิจกรรมเหล่านี้ประกอบด้วยการฝึกกล้ามเนื้อมัดใหญ่และมัดเล็ก การฝึกการประสานสัมพันธ์ระหว่างมือและตา การฝึกการรับรู้ทางสายตา และการพัฒนาทักษะการรับรู้เชิงพื้นที่
การฝึกกล้ามเนื้อมัดใหญ่สามารถทำได้ผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น การวาดรูปขนาดใหญ่บนกระดานหรือกระดาษขนาดใหญ่ การเขียนในอากาศด้วยนิ้วมือ การทำกิจกรรมศิลปะที่ใช้การเคลื่อนไหวแขนและไหล่ เป็นต้น ส่วนการฝึกกล้ามเนื้อมัดเล็กนั้นสามารถทำได้โดยการใช้กิจกรรมที่ต้องการความละเอียดของการเคลื่อนไหวนิ้วมือ เช่น การเล่นดินน้ำมัน การร้อยลูกปัด การใช้แท่งไอศกรีมหรือหลอดดูดน้ำมาเรียงลำดับ การหยิบจับสิ่งของขนาดเล็ก เป็นต้น
การพัฒนาทักษะการจับดินสอหรือปากกาถือเป็นส่วนสำคัญที่ต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษ การจับดินสอแบบ Tripod grip ซึ่งเป็นการจับที่ใช้นิ้วหัวแม่มือ นิ้วชี้ และนิ้วกลางในการควบคุมดินสอ เป็นวิธีการจับที่เหมาะสมที่สุด หากนักเรียนมีปัญหาในการจับดินสอให้ถูกต้อง สามารถใช้อุปกรณ์ช่วยต่างๆ เช่น ที่คาดดินสอ ยางรองจับดินสอ หรือดินสอที่มีลักษณะพิเศษที่ออกแบบมาสำหรับนักเรียนที่มีความต้องการพิเศษ
การสอนการเขียนตัวอักษรควรเริ่มต้นจากตัวอักษรที่มีรูปแบบง่ายที่สุดก่อน โดยเน้นการสร้างกล้ามเนื้อความจำหรือ Muscle memory ผ่านการฝึกซ้ำหลายครั้ง การใช้เทคนิค Multisensory learning ที่รวมการรับรู้ผ่านหลายประสาทสัมผัสพร้อมกัน เช่น การให้นักเรียนสัมผัสตัวอักษรที่ทำจากกระดาษทราย การเขียนตัวอักษรในถาดทราย การใช้เสียงประกอบขณะเขียน หรือการใช้สีสันต่างๆ ในการเขียนตัวอักษรแต่ละตัว
การใช้เทคโนโลยีช่วยเหลือการเขียนเป็นแนวทางที่มีประสิทธิภาพสูงในยุคปัจจุบัน โปรแกรมคอมพิวเตอร์และแอปพลิเคชันต่างๆ สามารถช่วยลดภาระของนักเรียนในด้านการเขียนได้อย่างมาก เช่น โปรแกรม Word prediction ที่ช่วยในการคาดคะเนคำที่นักเรียนต้องการเขียน โปรแกรม Text-to-speech ที่อ่านข้อความที่เขียนแล้วออกเสียง โปรแกรม Speech-to-text ที่แปลงเสียงพูดเป็นข้อความ และแอปพลิเคชันที่ช่วยในการจัดระเบียบความคิดก่อนเขียน
การพัฒนาทักษะการวางแผนและการจัดระเบียบความคิดเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ด้านการเขียน เทคนิค Mind mapping หรือแผนผังความคิดเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการช่วยให้นักเรียนสามารถจัดระเบียบความคิดของตนเองได้ดีขึ้น การใช้กราฟิก organizers ต่างๆ เช่น แผนภูมิเปรียบเทียบ แผนภูมิลำดับเหตุการณ์ แผนผังเรื่องราว เป็นต้น ยังช่วยให้นักเรียนสามารถมองเห็นโครงสร้างของเนื้อหาที่ต้องการเขียนได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
เทคนิค Scaffolding หรือการให้ความช่วยเหลือแบบค่อยเป็นค่อยไปเป็นแนวทางที่สำคัญในการสอนการเขียน โดยเริ่มต้นจากการให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ แล้วค่อยๆ ลดความช่วยเหลือลงเมื่อนักเรียนมีความสามารถมากขึ้น ตัวอย่างเช่น ในขั้นแรกครูอาจให้ประโยคตัวอย่างหรือคำศัพท์ที่จำเป็น จากนั้นค่อยๆ ให้นักเรียนคิดเองมากขึ้น จนกระทั่งนักเรียนสามารถเขียนได้โดยอิสระ
การใช้ Template หรือแบบฟอร์มสำเร็จรูปช่วยให้นักเรียนมีโครงสร้างที่ชัดเจนในการเขียน เช่น แบบฟอร์มสำหรับเขียนเรื่องราว ที่มีช่องให้กรอกตัวละคร เหตุการณ์ สถานที่ และบทสรุป หรือแบบฟอร์มสำหรับเขียนเรียงความที่มีโครงสร้างบทนำ เนื้อหา และบทสรุปที่ชัดเจน การใช้ Template เหล่านี้ช่วยลดความวิตกกังวลของนักเรียนและทำให้พวกเขาสามารถโฟกัสที่เนื้อหาแทนที่จะกังวลเรื่องโครงสร้าง
การประเมินและการให้ผลป้อนกลับที่เหมาะสมเป็นส่วนสำคัญของกระบวนการเรียนการสอน สำหรับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ด้านการเขียน ควรใช้การประเมินแบบหลากหลาย เช่น การประเมินกระบวนการมากกว่าผลลัพธ์ การให้คะแนนแยกระหว่างเนื้อหาและรูปแบบการเขียน การใช้ Rubric ที่ชัดเจนและเข้าใจง่าย รวมไปถึงการให้โอกาสแก้ไขงานหลายครั้ง
การสร้างบรรยากาศในการเรียนรู้ที่เอื้ออำนวยและปลอดภัยทางอารมณ์มีความสำคัญอย่างยิ่ง นักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้มักจะมีความวิตกกังวลและความกลัวต่อการเขียน การสร้างสภาพแวดล้อมที่ให้กำลังใจ เฉลิมฉลองความสำเร็จเล็กๆ น้อยๆ และไม่ตำหนิข้อผิดพลาด จะช่วยให้นักเรียนมีแรงจูงใจในการเรียนรู้มากขึ้น
การทำงานร่วมกันระหว่างครู ผู้ปกครอง และผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ เป็นกุญแจสำคัญของความสำเร็จ การแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับความก้าวหน้าของนักเรียน การวางแผนการช่วยเหลือที่สอดคล้องกันทั้งที่โรงเรียนและที่บ้าน และการปรับเปลี่ยนวิธีการสอนตามความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไป จะช่วยให้นักเรียนได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ
การปรับแก้งานเขียนเป็นทักษะสำคัญที่ต้องสอนให้กับนักเรียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ การสอนให้นักเรียนตรวจสอบงานของตนเองผ่าน Checklist ที่เรียบง่าย การใช้เพื่อนมาช่วยในการตรวจสอบงาน และการฝึกให้อ่านงานเขียนออกเสียงเพื่อตรวจจับข้อผิดพลาด เป็นเทคนิคที่มีประสิทธิผล
การใช้สื่อการสอนที่หลากหลายและน่าสนใจช่วยเพิ่มแรงจูงใจในการเรียนรู้ การใช้เกม การ์ด รูปภาพ วิดีโอ และสื่อดิจิทัลต่างๆ ทำให้การเรียนรู้การเขียนเป็นเรื่องสนุกและไม่น่าเบื่อ สื่อเหล่านี้ยังช่วยให้นักเรียนที่มีรูปแบบการเรียนรู้ที่แตกต่างกันสามารถเข้าถึงเนื้อหาได้ดีขึ้น
การพัฒนาทักษะการคิดเชิงวิเคราะห์และการคิดอย่างมีวิจารณญาณควบคู่ไปกับการเขียนเป็นสิ่งสำคัญ การสอนให้นักเรียนถามคำถามกับตนเอง เช่น “สิ่งที่ฉันเขียนมีความชัดเจนหรือไม่” “ผู้อ่านจะเข้าใจในสิ่งที่ฉันต้องการสื่อหรือไม่” “ฉันใช้หลักฐานมาสนับสนุนข้อความของฉันหรือยัง” เป็นต้น ช่วยให้นักเรียนพัฒนาทักษะการเขียนที่มีคุณภาพ
การจัดกิจกรรมการเขียนแบบกลุ่มสร้างโอกาสให้นักเรียนได้เรียนรู้จากเพื่อน การแบ่งปันความคิด การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และการสร้างแรงบันดาลใจจากผลงานของผู้อื่น กิจกรรมเหล่านี้ยังช่วยพัฒนาทักษะทางสังคมและการทำงานเป็นทีมอีกด้วย
การใช้เทคนิค Writing Process ที่แบ่งการเขียนออกเป็นขั้นตอน ได้แก่ Pre-writing, Drafting, Revising, Editing และ Publishing ช่วยให้นักเรียนเห็นว่าการเขียนเป็นกระบวนการที่ต้องผ่านหลายขั้นตอน ไม่ใช่สิ่งที่ต้องทำให้สมบูรณ์ในครั้งเดียว การแบ่งขั้นตอนเช่นนี้ช่วยลดความกดดันและทำให้งานเขียนมีคุณภาพดีขึ้น
การสร้างแรงจูงใจผ่านการเชื่อมโยงการเขียนกับประสบการณ์ชีวิตจริงและความสนใจของนักเรียนเป็นสิ่งสำคัญ การให้นักเรียนเขียนเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขารัก สิ่งที่พวกเขามีประสบการณ์ หรือสิ่งที่พวกเขาอยากรู้ ทำให้การเขียนมีความหมายและน่าสนใจมากขึ้น
บทบาทของผู้ปกครองในการสนับสนุนการพัฒนาทักษะการเขียนที่บ้านมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าการสอนในห้องเรียน การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการเขียนที่บ้าน การให้กำลังใจและการยอมรับความพยายามของบุตรหลาน การอ่านหนังสือให้ฟังเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ และการมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเขียนร่วมกัน ล้วนเป็นสิ่งที่ช่วยสนับสนุนการเรียนรู้
การติดตามความก้าวหน้าอย่างสม่ำเสมอและการปรับแผนการสอนตามผลการประเมินเป็นสิ่งจำเป็น การใช้ Portfolio หรือแฟ้มสะสมผลงานช่วยให้เห็นความก้าวหน้าของนักเรียนอย่างชัดเจน การบันทึกการสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้และการปรับปรุงวิธีการสอนตามข้อมูลที่ได้รับ จะช่วยให้การช่วยเหลือนักเรียนมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคตของนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ด้านการเขียนต้องคำนึงถึงทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 การสอนให้ใช้เทคโนโลยีอย่างมีประสิทธิภาพ การพัฒนาทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ การสื่อสารในรูปแบบต่างๆ และการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลง เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้นักเรียนเหล่านี้สามารถประสบความสำเร็จในชีวิตและการทำงาน
เอกสารชุดแนวทางการพัฒนาการเรียนรู้ สำหรับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ เล่มที่ 1 เทคนิค วิธีการและสื่อสำหรับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ด้านการเขียน
เอกสารชุด “แนวทางพัฒนาการเรียนรู้สำ หรับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้” นี้ได้จัดทำ และเผยแพร่ครั้งแรกในปีพ.ศ. 2551 โดยในครั้งนั้นได้จัดทำเป็นเอกสาร 5 เล่ม คือ เล่มที่ 1 ความรู้พื้นฐานและแนวทางพัฒนานักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้เล่มที่ 2 การเตรียมความพร้อมสำหรับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้เล่มที่ 3 เทคนิค วิธีการและสื่อ สำหรับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ด้านการอ่าน เล่มที่ 4 เทคนิค วิธีการและสื่อ สำหรับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ด้านการเขียน และเล่มที่ 5 เทคนิค วิธีการและสื่อ สำหรับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ด้านคณิตศาสตร์โดยที่ผ่านมาพบว่าเอกสารชุดดังกล่าว เป็นประโยชน์กับครูผู้สอนและผู้ที่เกี่ยวข้องในการใช้เป็นแนวทางในการพัฒนานักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ด้านต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตามเพื่อให้เอกสารชุดนี้มีความเป็นปัจจุบันและมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานจึงเห็นควรปรับปรุงเอกสารดังกล่าว โดยในการปรับปรุงครั้งนี้ นอกจากความเหมาะสมของเทคนิค วิธีการและสื่อ สำหรับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้แล้ว ยังได้คำนึงถึงความสะดวกของครูและผู้ที่เกี่ยวข้องในการนำ ไปใช้ด้วยเป็นสำคัญ ด้วยเหตุนี้จึงได้จัดพิมพ์เอกสารชุดนี้ออกเป็น 1 เล่มกับอีก 4 ชุด เพื่อให้เอกสารแต่ละเล่มมีขนาดไม่หนาจนเกินไป โดยประกอบด้วยเอกสารต่าง ๆ ดังนี้
เอกสารความรู้พื้นฐานและแนวทางพัฒนานักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้
เอกสารชุดที่ 1 การเตรียมความพร้อมสำหรับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ประกอบด้วยเอกสาร 2 เล่ม
เอกสารชุดที่ 2 เทคนิค วิธีการและสื่อ สำหรับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ด้านการอ่าน ประกอบด้วยเอกสาร 6 เล่ม
เอกสารชุดที่ 3 เทคนิค วิธีการและสื่อ สำหรับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ด้านการเขียน ประกอบด้วยเอกสาร 3 เล่ม
เอกสารชุดที่ 4 เทคนิค วิธีการและสื่อ สำหรับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ด้านคณิตศาสตร์ ประกอบด้วยเอกสาร 5 เล่ม
สำหรับเอกสารนี้เป็นเล่มที่ 1 ในเอกสารชุดที่ 3 เทคนิค วิธีการและสื่อ สำหรับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ด้านการเขียน ซึ่งในเอกสารจะกล่าวถึงสภาพปัญหา แนวทางพัฒนา เทคนิควิธีการและสื่อการเรียนการสอน รวมทั้งกิจกรรมการจัดการเรียนรู้และแบบฝึก ที่จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาที่เกิดกับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ด้านการเขียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ในการนำไปใช้ครูผู้สอน ผู้ปกครองและผู้ที่เกี่ยวข้องอาจพิจาณาปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม
ความบกพร่องทางการเรียนรู้เป็นความผิดปกติทางสมองในกระบวนการเรียนรู้ที่อาจส่งผลต่อการเรียนรู้ด้านการอ่าน การเขียน การสะกดคำ หรือการคิดคำนวณ ด้านใดด้านหนึ่งหรือหลายด้านรวมกัน ด้วยเหตุนี้การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพสำ หรับนักเรียนทั่วไป อาจไม่มีประสิทธิภาพพอหากนำมาใช้กับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้สำหรับการเขียนนั้นนับเป็นทักษะขั้นสูงในกระบวนการทางภาษา เพราะเป็นทักษะที่เกิดจากการประมวลการรับรู้ของทักษะการฟัง การอ่าน และการพูด แล้วแสดงออก
มาด้วยการเขียน ดังนั้นสำหรับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ด้านการเขียนนั้น อาจพบว่ามีความบกพร่องด้านการอ่านหรือด้านอื่น ๆ ร่วมด้วย โดยความบกพร่องด้านการเขียนอาจมีลักษณะแตกต่างกันไป อาทิเช่น ไม่สามารถเขียนหนังสือได้ไม่สามารถจำสิ่งที่เห็นได้จึงลอกตามแบบที่ครูกำหนดให้ไม่ได้เขียนตัวอักษรไม่เป็นตัว หรือเขียนบรรยายความไม่ได้เป็นต้น ดังนั้นปัญหาด้านการเขียนจึงแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าวข้างต้นจึงเห็นความจำเป็นในการพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาสำหรับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ ให้สามารถเรียนรู้ได้เช่นเดียวกันหรือใกล้เคียงกับนักเรียนทั่วไป ดังนั้นการพัฒนากระบวนการเรียนรู้สื่อ และเทคโนโลยีที่เหมาะสมสอดคล้องกับสภาพความบกพร่องของนักเรียน จึงนับเป็นอีกแนวทางหนึ่งในการช่วยเหลือนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ให้สามารถเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตัวอย่างไฟล์เอกสาร

