สวัสดีเพื่อนๆ สมาชิก ครูต้นไผ่ดอทคอม ทุกท่านครับ วันนี้พบกับ ครูต้นไผ่ดอทคอม เช่นเคยครับ วันนี้แอดมินมีไฟล์มาแนะนำให้เพื่อนๆ สมาชิกได้ดาวน์โหลดไปใช้งาน เป็นไฟล์ แบบข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA) สำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่ง ครูชำนาญการ ซึ่งเพื่อนๆ สมาชิกสามารถดาวน์โหลดนำไปศึกษาและนำไปเป็นแนวทางในการจัดทำแบบข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA) สำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่ง ครูชำนาญการ ได้ครับ แอดมิน ขอแนะนำไฟล์ แบบข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA) สำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่ง ครูชำนาญการ ตามรายละเอียดดังนี้ ครับ
แบบข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA) สำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่ง ครูชำนาญการ

แบบข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA) สำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูชำนาญการ คู่มือครบครันสำหรับการเตรียมความพร้อมและดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ
แบบข้อตกลงในการพัฒนางาน หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า PA (Performance Agreement) เป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยเฉพาะสำหรับตำแหน่งครูชำนาญการที่ต้องแสดงให้เห็นถึงความสามารถและผลงานที่โดดเด่นเหนือกว่ามาตรฐานทั่วไป การทำความเข้าใจในรายละเอียดของแบบข้อตกลงนี้จะช่วยให้ครูสามารถเตรียมตัวและดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ นำไปสู่การพัฒนาตนเองและการปฏิบัติงานที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ความสำคัญของแบบข้อตกลงในการพัฒนางานไม่ได้อยู่เพียงแค่การประเมินผลการปฏิบัติงานเท่านั้น แต่ยังเป็นกลไกในการส่งเสริมให้ครูได้พัฒนาศักยภาพของตนเองอย่างเป็นระบบ มีทิศทางที่ชัดเจน และสอดคล้องกับเป้าหมายของสถานศึกษาและนโยบายการศึกษาของประเทศ การที่ครูมีแบบข้อตกลงที่ดีจะช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น มีการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน และสามารถวัดผลได้อย่างเป็นรูปธรรม
โครงสร้างของแบบข้อตกลงในการพัฒนางานสำหรับครูชำนาญการประกอบด้วยองค์ประกอบหลักหลายส่วน ได้แก่ การกำหนดเป้าหมายการปฏิบัติงาน การกำหนดตัวชี้วัดความสำเร็จ การวางแผนกิจกรรมและโครงการที่จะดำเนินการ การกำหนดแนวทางการพัฒนาตนเอง และการกำหนดกรอบเวลาในการดำเนินงาน แต่ละส่วนมีรายละเอียดที่ครูต้องศึกษาและเตรียมความพร้อมอย่างรอบคอบ เพื่อให้การจัดทำแบบข้อตกลงเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับมาตรฐานที่กำหนด
การจัดทำเป้าหมายการปฏิบัติงานในแบบข้อตกลงจะต้องเชื่อมโยงกับภารกิจหลักของครู ซึ่งประกอบด้วยการจัดการเรียนการสอน การวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน การพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่น การบริหารจัดการชั้นเรียน การให้คำปรึกษาและแนะแนำนักเรียน การพัฒนาตนเองและวิชาชีพ และการมีส่วนร่วมในกิจกรรมของสถานศึกษาและชุมชน เป้าหมายที่กำหนดจะต้องมีความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติ วัดผลได้ มีความท้าทายและสร้างแรงจูงใจในการทำงาน และสามารถพัฒนาให้ครูมีความเชี่ยวชาญมากขึ้น
ตัวชี้วัดความสำเร็จเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้การประเมินผลการปฏิบัติงานเป็นไปอย่างเป็นธรรมและโปร่งใส ครูชำนาญการจะต้องกำหนดตัวชี้วัดที่สามารถวัดได้อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ ตัวอย่างเช่น ในด้านการจัดการเรียนการสอน อาจกำหนดตัวชี้วัดเป็นร้อยละของนักเรียนที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเพิ่มขึ้น การจัดทำสื่อการเรียนการสอนใหม่ หรือการใช้เทคนิคการสอนที่หลากหลาย ในด้านการวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน อาจกำหนดเป็นจำนวนงานวิจัยที่ได้รับการเผยแพร่ หรือการนำผลงานวิจัยไปใช้ในการปรับปรุงการเรียนการสอน
การวางแผนกิจกรรมและโครงการที่จะดำเนินการในแบบข้อตกลงจะต้องสอดคล้องกับเป้าหมายและตัวชี้วัดที่กำหนดไว้ ครูจะต้องคิดกิจกรรมที่มีความหลากหลาย สร้างสรรค์ และสามารถพัฒนานักเรียนได้อย่างรอบด้าน ทั้งด้านวิชาการ คุณธรรม จริยธรรม และทักษะชีวิต กิจกรรมที่วางแผนไว้ควรมีการกระจายตลอดปีการศึกษา มีการประเมินผลระหว่างดำเนินงาน และมีการปรับปรุงแก้ไขเมื่อจำเป็น การมีส่วนร่วมของนักเรียน ผู้ปกครอง และชุมชนในกิจกรรมต่างๆ จะทำให้การดำเนินงานมีความยั่งยืนและเกิดประโยชน์สูงสุด
แนวทางการพัฒนาตนเองเป็นส่วนที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของครูในการเรียนรู้และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ครูชำนาญการควรกำหนดแผนการพัฒนาตนเองที่ครอบคลุมทั้งความรู้ในเนื้อหาวิชา ทักษะการจัดการเรียนการสอน การใช้เทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนา และภาวะผู้นำทางวิชาการ การเข้าร่วมการอบรม สัมมนา การศึกษาดูงาน การเป็นสมาชิกของชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ และการศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น เป็นตัวอย่างของกิจกรรมพัฒนาตนเองที่ครูสามารถนำมาใส่ในแบบข้อตกลง
กรอบเวลาในการดำเนินงานเป็นองค์ประกอบที่ช่วยให้การทำงานเป็นไปอย่างเป็นระบบและทันตามกำหนด ครูจะต้องแบ่งการดำเนินงานออกเป็นช่วงเวลาต่างๆ ตลอดปีการศึกษา โดยกำหนดกิจกรรมที่จะทำในแต่ละเดือน แต่ละไตรมาส หรือแต่ละภาคเรียน การมีไทม์ไลน์ที่ชัดเจนจะช่วยให้ครูสามารถติดตามความก้าวหน้าของงาน ประเมินผลระหว่างดำเนินการ และปรับแผนเมื่อจำเป็น นอกจากนี้ยังช่วยให้ผู้บริหารสถานศึกษาสามารถให้คำแนะนำและสนับสนุนได้อย่างเหมาะสม
การเขียนแบบข้อตกลงที่มีคุณภาพจะต้องใช้ภาษาที่ชัดเจน เฉพาะเจาะจง และวัดผลได้ ครูควรหลีกเลี่ยงการใช้คำที่คลุมเครือ เช่น “ดี” “เหมาะสม” “พอใจ” แต่ควรใช้คำที่สามารถวัดได้ เช่น “เพิ่มขึ้นร้อยละ 10” “ลดลงจาก 5 ครั้งเหลือ 3 ครั้ง” “ครบทั้ง 8 ขั้นตอน” การใช้ภาษาที่เป็นรูปธรรมจะช่วยให้การประเมินผลเป็นไปอย่างเป็นธรรมและแม่นยำ รวมทั้งช่วยให้ครูเองสามารถติดตามและประเมินงานของตนเองได้อย่างต่อเนื่อง
ตัวอย่างการเขียนเป้าหมายที่ดีในด้านการจัดการเรียนการสอนอาจเป็น “พัฒนานักเรียนให้มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 15 คะแนนจากการสอบกลางภาค โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบโครงงานและการใช้เทคโนโลยีช่วยสอน พร้อมทั้งจัดทำสื่อการเรียนการสอนใหม่อย่างน้อย 5 ชิ้น” หรือในด้านการวิจัย อาจเป็น “ดำเนินการวิจัยในชั้นเรียนเรื่องการใช้เกมการศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ของนักเรียน และนำเสนอผลงานในการประชุมวิชาการระดับจังหวัดภายในปีการศึกษา”
การติดตามและประเมินผลการดำเนินงานตามแบบข้อตกลงเป็นกระบวนการที่ต้องดำเนินการอย่างสม่ำเสมอตลอดปีการศึกษา ครูจะต้องจัดทำรายงานความก้าวหน้าเป็นระยะ อาจเป็นรายเดือนหรือรายไตรมาส เพื่อแสดงให้เห็นว่ากิจกรรมต่างๆ ที่กำหนดไว้เป็นไปตามแผนหรือไม่ มีอุปสรรคหรือปัญหาอะไรบ้าง และมีการแก้ไขปรับปรุงอย่างไร การมีหลักฐานเชิงประจักษ์ เช่น ภาพถ่ายกิจกรรม ผลงานของนักเรียน แบบสอบถามความพึงพอใจ หรือเอกสารการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ จะช่วยให้การประเมินผลมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น
ความท้าทายที่ครูอาจพบในการจัดทำแบบข้อตกลงรวมถึงการกำหนดเป้าหมายที่เหมาะสม ไม่สูงหรือต่ำเกินไป การจัดสรรเวลาให้เหมาะสมกับภาระงานอื่นๆ การหาแนวทางในการพัฒนานวัตกรรมหรือโครงการใหม่ๆ และการรักษาคุณภาพของงานให้คงที่ตลอดปี เพื่อเอาชนะความท้าทายเหล่านี้ ครูควรขอคำปรึกษาจากผู้บริหาร เพื่อนร่วมงานที่มีประสบการณ์ หรือเข้าร่วมกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับครูคนอื่นๆ
การใช้เทคโนโลยีในการจัดทำและติดตามแบบข้อตกลงเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ครูสามารถใช้โปรแกรมสำเร็จรูปต่างๆ ในการจัดทำแผนงาน ติดตามความก้าวหน้า และจัดเก็บข้อมูลหลักฐาน การใช้คลาวด์เซอร์วิสจะช่วยให้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้จากทุกที่ทุกเวลา และสามารถแชร์ข้อมูลกับผู้ที่เกี่ยวข้องได้อย่างสะดวก การใช้แอปพลิเคชันบนมือถือสำหรับการบันทึกกิจกรรม ถ่ายภาพหลักฐาน หรือจดบันทึกสำคัญๆ จะช่วยให้การติดตามงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ประโยชน์ที่ครูจะได้รับจากการจัดทำแบบข้อตกลงที่ดีไม่ได้จำกัดเฉพาะการผ่านการประเมิน แต่ยังรวมถึงการพัฒนาตนเองอย่างเป็นระบบ การมีทิศทางในการทำงานที่ชัดเจน การเพิ่มแรงจูงใจในการทำงาน การสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ในการจัดการเรียนการสอน และการสร้างเครือข่ายในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับครูคนอื่นๆ การมีแบบข้อตกลงที่มีคุณภาพจะช่วยให้ครูมีความมั่นใจมากขึ้นในการปฏิบัติงาน และสามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อการเรียนรู้ของนักเรียนได้อย่างเป็นรูปธรรม
ในด้านการพัฒนาความเป็นผู้นำทางวิชาการ ครูชำนาญการควรกำหนดกิจกรรมที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการเป็นที่ปรึกษาแก่ครูใหม่หรือครูที่มีประสบการณ์น้อยกว่า การเป็นวิทยากรในการอบรมหรือสัมมนา การเขียนบทความทางวิชาการ หรือการเป็นหัวหน้าทีมในโครงการสำคัญๆ ของสถานศึกษา กิจกรรมเหล่านี้จะช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการก้าวสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นในอนาคต
การบูรณาการงานตามแบบข้อตกลงเข้ากับงานประจำให้เป็นหนึ่งเดียวกันเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การทำงานไม่เป็นภาระเพิ่มเติม ครูควรพิจารณาว่างานใดที่ทำอยู่แล้วในปกติสามารถพัฒนาให้มีคุณภาพสูงขึ้นและเป็นไปตามเป้าหมายในแบบข้อตกลง งานใดที่ต้องเพิ่มเติมหรือปรับปรุงใหม่ และงานใดที่ควรหยุดทำเพื่อให้มีเวลาสำหรับงานที่สำคัญกว่า การจัดลำดับความสำคัญของงานจะช่วยให้การใช้เวลาและพลังงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
การสร้างวัฒนธรรมการทำงานเป็นทีมและการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้การดำเนินงานตามแบบข้อตกลงประสบความสำเร็จ ครูควรสร้างเครือข่ายกับเพื่อนร่วมงานทั้งในและนอกสถานศึกษา เข้าร่วมกิจกรรมของชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ และมีส่วนร่วمในกิจกรรมต่างๆ ที่จัดโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การแบ่งปันประสบการณ์และเรียนรู้จากผู้อื่นจะช่วยให้มีแนวคิดใหม่ๆ ในการพัฒนางาน และลดความเครียดจากการทำงานคนเดียว
การเตรียมหลักฐานและเอกสารประกอบการประเมินเป็นสิ่งที่ควรดำเนินการควบคู่ไปกับการทำงาน ไม่ควรรอให้ใกล้เวลาประเมินแล้วค่อยมาจัดเตรียม ครูควรมีการจัดเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบ เช่น การถ่ายภาพกิจกรรม การบันทึกเหตุการณ์สำคัญ การเก็บผลงานของนักเรียน การจัดทำแฟ้มสะสมงาน และการขอหนังสือรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเมื่อมีการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ การมีหลักฐานที่ครบถ้วนและเป็นระบบจะช่วยให้การประเมินผลเป็นไปอย่างราบรื่นและเป็นธรรม
แนวโน้มในอนาคตของการประเมินครูและแบบข้อตกลงในการพัฒนางานคาดว่าจะมีการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยมากขึ้น การประเมินจะมีความหยืดหยุ่นและเหมาะสมกับบริบทของแต่ละสถานศึกษามากขึ้น การเน้นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับนักเรียนจะมีความสำคัญมากกว่าการดูกระบวนการเพียงอย่างเดียว และจะมีการให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะศตวรรษที่ 21 และการเตรียมนักเรียนให้พร้อมสำหรับโลกอนาคตมากขึ้น ครูควรเตรียมความพร้อมโดยการศึกษาเทคโนโลยีใหม่ๆ เพิ่มทักษะด้านดิจิทัล และพัฒนาความเข้าใจในเทรนด์การศึกษาร่วมสมัย
ข้อเสนอแนะสำหรับครูที่กำลังเตรียมจัดทำแบบข้อตกลงในการพัฒนางาน ควรเริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจกับตนเองว่ามีจุดแข็งและจุดที่ควรพัฒนาในด้านใดบ้าง มีความสนใจพิเศษในเรื่องใดที่สามารถนำมาพัฒนาเป็นโครงการหรือกิจกรรมได้ และมีทรัพยากรและการสนับสนุนอย่างไรบ้างจากสถานศึกษาและชุมชน การกำหนดเป้าหมายควรมีความท้าทายพอสมควรแต่ไม่ควรสูงเกินความสามารถ และควรมีการวางแผนสำรองในกรณีที่แผนหลักไม่สามารถดำเนินการได้ตามที่คาดหวัง
การสร้างแรงบันดาลใจและรักษาแรงจูงใจในการทำงานตามแบบข้อตกลงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้การดำเนินงานมีความต่อเนื่องและมีคุณภาพ ครูควรเฉลิมฉลองเมื่อบรรลุเป้าหมายย่อยต่างๆ แบ่งปันความสำเร็จกับเพื่อนร่วมงาน และมองหาแรงบันดาลใจจากการเห็นพัฒนาการของนักเรียน การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และการได้รับการยอมรับจากเพื่อนร่วมวิชาชีพ
“การจัดทำแบบข้อตกลงพัฒนางาน (PA) เพื่อยกระดับสมรรถนะครูชำนาญการ”
ความสำคัญของการพัฒนางาน (PA) สำหรับครูชำนาญการ
การพัฒนางาน (PA) ถือเป็นกระบวนการสำคัญในการยกระดับคุณภาพการศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับข้าราชการครูในตำแหน่งครูชำนาญการ ซึ่งเป็นบุคลากรที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาการเรียนการสอน การจัดทำข้อตกลงในการพัฒนางานเป็นขั้นตอนที่ช่วยกำหนดเป้าหมายและแนวทางการปฏิบัติงานที่ชัดเจน โดยมุ่งหวังให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีต่อผู้เรียนและพัฒนาศักยภาพของครูให้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ขั้นตอนการจัดทำข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA)
การจัดทำข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA) มีขั้นตอนที่ชัดเจนและเป็นระบบ ได้แก่
- การวิเคราะห์ตนเอง ครูต้องประเมินตนเองถึงจุดแข็งและจุดที่ต้องพัฒนา เพื่อกำหนดเป้าหมายการพัฒนาที่เหมาะสม
- การกำหนดเป้าหมาย ระบุเป้าหมายในการพัฒนางานที่สอดคล้องกับความต้องการของโรงเรียนและผู้เรียน
- การวางแผนปฏิบัติงาน กำหนดกิจกรรมหรือโครงการที่ต้องดำเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมาย
- การติดตามและประเมินผล มีการติดตามความก้าวหน้าและประเมินผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง
องค์ประกอบสำคัญของข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA)
ข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA) ประกอบด้วยองค์ประกอบหลัก ดังนี้
- เป้าหมายการพัฒนา ระบุสิ่งที่ต้องการพัฒนาอย่างชัดเจน
- กิจกรรมหรือแนวทางการพัฒนา ระบุวิธีการที่ใช้ในการบรรลุเป้าหมาย เช่น การอบรม สัมมนา หรือการพัฒนาสื่อการสอน
- เกณฑ์การประเมินผล ระบุเกณฑ์ที่ใช้ในการวัดความสำเร็จของการพัฒนา
- ระยะเวลา กำหนดกรอบเวลาในการดำเนินการ
- ทรัพยากรที่ใช้ ระบุทรัพยากรที่จำเป็น เช่น งบประมาณ อุปกรณ์ หรือบุคลากรสนับสนุน
ประโยชน์ของการทำข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA)
การจัดทำข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA) มีประโยชน์หลายประการ ได้แก่
- ส่งเสริมการพัฒนาตนเอง ช่วยให้ครูสามารถมุ่งเน้นการพัฒนาตนเองในด้านที่จำเป็น
- ยกระดับคุณภาพการสอน การพัฒนางานที่มีเป้าหมายชัดเจนช่วยให้การสอนมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
- สร้างความโปร่งใสในการปฏิบัติงาน ข้อตกลงที่ชัดเจนช่วยลดความคลุมเครือในการประเมินผล
- เสริมสร้างความร่วมมือ ช่วยส่งเสริมการทำงานร่วมกันระหว่างครู ผู้บริหาร และบุคลากรทางการศึกษา
บทบาทของผู้บริหารในกระบวนการ PA
ผู้บริหารมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนกระบวนการพัฒนางาน (PA) โดยทำหน้าที่
- ให้คำปรึกษาและชี้แนะแนวทาง ช่วยให้ครูเข้าใจขั้นตอนและวิธีการพัฒนางาน
- ติดตามและประเมินผล ติดตามความก้าวหน้าและให้ข้อเสนอแนะเพื่อการปรับปรุง
- จัดสรรทรัพยากร สนับสนุนทรัพยากรที่จำเป็นต่อการพัฒนา เช่น งบประมาณและอุปกรณ์การสอน
- สร้างแรงจูงใจ กระตุ้นให้ครูเห็นความสำคัญของการพัฒนางานและยอมรับการเปลี่ยนแปลง
ความท้าทายและแนวทางแก้ไขในการพัฒนางาน (PA)
แม้การพัฒนางาน (PA) จะเป็นประโยชน์ แต่ก็มีความท้าทายที่ต้องเผชิญ เช่น
- ข้อจำกัดด้านเวลา ครูอาจมีภาระงานมาก ทำให้มีเวลาจำกัดในการจัดทำ PA
- ทรัพยากรไม่เพียงพอ อาจขาดงบประมาณหรืออุปกรณ์ที่จำเป็น
- การขาดความรู้ความเข้าใจ บางครั้งครูอาจไม่เข้าใจวิธีการจัดทำ PA อย่างถูกต้อง
แนวทางแก้ไข
- จัดอบรมและให้ความรู้เกี่ยวกับ PA
- จัดสรรเวลาและทรัพยากรอย่างเหมาะสม
- สร้างระบบพี่เลี้ยงหรือทีมสนับสนุนเพื่อช่วยเหลือครูในการพัฒนางาน
ด้วยการร่วมมือระหว่างครูและผู้บริหาร การพัฒนางาน (PA) จะเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการยกระดับคุณภาพการศึกษาและสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อผู้เรียนอย่างยั่งยืน
ตัวอย่างไฟล์เอกสาร แบบข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA) สำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่ง ครูชำนาญการ


