วันศุกร์, ตุลาคม 17, 2025
spot_img
หน้าแรกข่าวทั่วไปแจกฟรี แบบข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA) สำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่ง ครูชำนาญการ

แจกฟรี แบบข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA) สำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่ง ครูชำนาญการ


สวัสดีเพื่อนๆ สมาชิก ครูต้นไผ่ดอทคอม ทุกท่านครับ วันนี้พบกับ ครูต้นไผ่ดอทคอม เช่นเคยครับ วันนี้แอดมินมีไฟล์มาแนะนำให้เพื่อนๆ สมาชิกได้ดาวน์โหลดไปใช้งาน เป็นไฟล์ แบบข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA) สำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่ง ครูชำนาญการ ซึ่งเพื่อนๆ สมาชิกสามารถดาวน์โหลดนำไปศึกษาและนำไปเป็นแนวทางในการจัดทำแบบข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA) สำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่ง ครูชำนาญการ ได้ครับ แอดมิน ขอแนะนำไฟล์ แบบข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA) สำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่ง ครูชำนาญการ ตามรายละเอียดดังนี้ ครับ

แบบข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA) สำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่ง ครูชำนาญการ

แบบข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA) ตำแหน่ง ครูชำนาญการ

แบบข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA) สำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูชำนาญการ คู่มือครบครันสำหรับการเตรียมความพร้อมและดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ

แบบข้อตกลงในการพัฒนางาน หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า PA (Performance Agreement) เป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยเฉพาะสำหรับตำแหน่งครูชำนาญการที่ต้องแสดงให้เห็นถึงความสามารถและผลงานที่โดดเด่นเหนือกว่ามาตรฐานทั่วไป การทำความเข้าใจในรายละเอียดของแบบข้อตกลงนี้จะช่วยให้ครูสามารถเตรียมตัวและดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ นำไปสู่การพัฒนาตนเองและการปฏิบัติงานที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ความสำคัญของแบบข้อตกลงในการพัฒนางานไม่ได้อยู่เพียงแค่การประเมินผลการปฏิบัติงานเท่านั้น แต่ยังเป็นกลไกในการส่งเสริมให้ครูได้พัฒนาศักยภาพของตนเองอย่างเป็นระบบ มีทิศทางที่ชัดเจน และสอดคล้องกับเป้าหมายของสถานศึกษาและนโยบายการศึกษาของประเทศ การที่ครูมีแบบข้อตกลงที่ดีจะช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น มีการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน และสามารถวัดผลได้อย่างเป็นรูปธรรม

โครงสร้างของแบบข้อตกลงในการพัฒนางานสำหรับครูชำนาญการประกอบด้วยองค์ประกอบหลักหลายส่วน ได้แก่ การกำหนดเป้าหมายการปฏิบัติงาน การกำหนดตัวชี้วัดความสำเร็จ การวางแผนกิจกรรมและโครงการที่จะดำเนินการ การกำหนดแนวทางการพัฒนาตนเอง และการกำหนดกรอบเวลาในการดำเนินงาน แต่ละส่วนมีรายละเอียดที่ครูต้องศึกษาและเตรียมความพร้อมอย่างรอบคอบ เพื่อให้การจัดทำแบบข้อตกลงเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับมาตรฐานที่กำหนด

การจัดทำเป้าหมายการปฏิบัติงานในแบบข้อตกลงจะต้องเชื่อมโยงกับภารกิจหลักของครู ซึ่งประกอบด้วยการจัดการเรียนการสอน การวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน การพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่น การบริหารจัดการชั้นเรียน การให้คำปรึกษาและแนะแนำนักเรียน การพัฒนาตนเองและวิชาชีพ และการมีส่วนร่วมในกิจกรรมของสถานศึกษาและชุมชน เป้าหมายที่กำหนดจะต้องมีความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติ วัดผลได้ มีความท้าทายและสร้างแรงจูงใจในการทำงาน และสามารถพัฒนาให้ครูมีความเชี่ยวชาญมากขึ้น

ตัวชี้วัดความสำเร็จเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้การประเมินผลการปฏิบัติงานเป็นไปอย่างเป็นธรรมและโปร่งใส ครูชำนาญการจะต้องกำหนดตัวชี้วัดที่สามารถวัดได้อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ ตัวอย่างเช่น ในด้านการจัดการเรียนการสอน อาจกำหนดตัวชี้วัดเป็นร้อยละของนักเรียนที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเพิ่มขึ้น การจัดทำสื่อการเรียนการสอนใหม่ หรือการใช้เทคนิคการสอนที่หลากหลาย ในด้านการวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน อาจกำหนดเป็นจำนวนงานวิจัยที่ได้รับการเผยแพร่ หรือการนำผลงานวิจัยไปใช้ในการปรับปรุงการเรียนการสอน

การวางแผนกิจกรรมและโครงการที่จะดำเนินการในแบบข้อตกลงจะต้องสอดคล้องกับเป้าหมายและตัวชี้วัดที่กำหนดไว้ ครูจะต้องคิดกิจกรรมที่มีความหลากหลาย สร้างสรรค์ และสามารถพัฒนานักเรียนได้อย่างรอบด้าน ทั้งด้านวิชาการ คุณธรรม จริยธรรม และทักษะชีวิต กิจกรรมที่วางแผนไว้ควรมีการกระจายตลอดปีการศึกษา มีการประเมินผลระหว่างดำเนินงาน และมีการปรับปรุงแก้ไขเมื่อจำเป็น การมีส่วนร่วมของนักเรียน ผู้ปกครอง และชุมชนในกิจกรรมต่างๆ จะทำให้การดำเนินงานมีความยั่งยืนและเกิดประโยชน์สูงสุด

แนวทางการพัฒนาตนเองเป็นส่วนที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของครูในการเรียนรู้และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ครูชำนาญการควรกำหนดแผนการพัฒนาตนเองที่ครอบคลุมทั้งความรู้ในเนื้อหาวิชา ทักษะการจัดการเรียนการสอน การใช้เทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนา และภาวะผู้นำทางวิชาการ การเข้าร่วมการอบรม สัมมนา การศึกษาดูงาน การเป็นสมาชิกของชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ และการศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น เป็นตัวอย่างของกิจกรรมพัฒนาตนเองที่ครูสามารถนำมาใส่ในแบบข้อตกลง

กรอบเวลาในการดำเนินงานเป็นองค์ประกอบที่ช่วยให้การทำงานเป็นไปอย่างเป็นระบบและทันตามกำหนด ครูจะต้องแบ่งการดำเนินงานออกเป็นช่วงเวลาต่างๆ ตลอดปีการศึกษา โดยกำหนดกิจกรรมที่จะทำในแต่ละเดือน แต่ละไตรมาส หรือแต่ละภาคเรียน การมีไทม์ไลน์ที่ชัดเจนจะช่วยให้ครูสามารถติดตามความก้าวหน้าของงาน ประเมินผลระหว่างดำเนินการ และปรับแผนเมื่อจำเป็น นอกจากนี้ยังช่วยให้ผู้บริหารสถานศึกษาสามารถให้คำแนะนำและสนับสนุนได้อย่างเหมาะสม

การเขียนแบบข้อตกลงที่มีคุณภาพจะต้องใช้ภาษาที่ชัดเจน เฉพาะเจาะจง และวัดผลได้ ครูควรหลีกเลี่ยงการใช้คำที่คลุมเครือ เช่น “ดี” “เหมาะสม” “พอใจ” แต่ควรใช้คำที่สามารถวัดได้ เช่น “เพิ่มขึ้นร้อยละ 10” “ลดลงจาก 5 ครั้งเหลือ 3 ครั้ง” “ครบทั้ง 8 ขั้นตอน” การใช้ภาษาที่เป็นรูปธรรมจะช่วยให้การประเมินผลเป็นไปอย่างเป็นธรรมและแม่นยำ รวมทั้งช่วยให้ครูเองสามารถติดตามและประเมินงานของตนเองได้อย่างต่อเนื่อง

ตัวอย่างการเขียนเป้าหมายที่ดีในด้านการจัดการเรียนการสอนอาจเป็น “พัฒนานักเรียนให้มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 15 คะแนนจากการสอบกลางภาค โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบโครงงานและการใช้เทคโนโลยีช่วยสอน พร้อมทั้งจัดทำสื่อการเรียนการสอนใหม่อย่างน้อย 5 ชิ้น” หรือในด้านการวิจัย อาจเป็น “ดำเนินการวิจัยในชั้นเรียนเรื่องการใช้เกมการศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ของนักเรียน และนำเสนอผลงานในการประชุมวิชาการระดับจังหวัดภายในปีการศึกษา”

การติดตามและประเมินผลการดำเนินงานตามแบบข้อตกลงเป็นกระบวนการที่ต้องดำเนินการอย่างสม่ำเสมอตลอดปีการศึกษา ครูจะต้องจัดทำรายงานความก้าวหน้าเป็นระยะ อาจเป็นรายเดือนหรือรายไตรมาส เพื่อแสดงให้เห็นว่ากิจกรรมต่างๆ ที่กำหนดไว้เป็นไปตามแผนหรือไม่ มีอุปสรรคหรือปัญหาอะไรบ้าง และมีการแก้ไขปรับปรุงอย่างไร การมีหลักฐานเชิงประจักษ์ เช่น ภาพถ่ายกิจกรรม ผลงานของนักเรียน แบบสอบถามความพึงพอใจ หรือเอกสารการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ จะช่วยให้การประเมินผลมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น

ความท้าทายที่ครูอาจพบในการจัดทำแบบข้อตกลงรวมถึงการกำหนดเป้าหมายที่เหมาะสม ไม่สูงหรือต่ำเกินไป การจัดสรรเวลาให้เหมาะสมกับภาระงานอื่นๆ การหาแนวทางในการพัฒนานวัตกรรมหรือโครงการใหม่ๆ และการรักษาคุณภาพของงานให้คงที่ตลอดปี เพื่อเอาชนะความท้าทายเหล่านี้ ครูควรขอคำปรึกษาจากผู้บริหาร เพื่อนร่วมงานที่มีประสบการณ์ หรือเข้าร่วมกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับครูคนอื่นๆ

การใช้เทคโนโลยีในการจัดทำและติดตามแบบข้อตกลงเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ครูสามารถใช้โปรแกรมสำเร็จรูปต่างๆ ในการจัดทำแผนงาน ติดตามความก้าวหน้า และจัดเก็บข้อมูลหลักฐาน การใช้คลาวด์เซอร์วิสจะช่วยให้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้จากทุกที่ทุกเวลา และสามารถแชร์ข้อมูลกับผู้ที่เกี่ยวข้องได้อย่างสะดวก การใช้แอปพลิเคชันบนมือถือสำหรับการบันทึกกิจกรรม ถ่ายภาพหลักฐาน หรือจดบันทึกสำคัญๆ จะช่วยให้การติดตามงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ประโยชน์ที่ครูจะได้รับจากการจัดทำแบบข้อตกลงที่ดีไม่ได้จำกัดเฉพาะการผ่านการประเมิน แต่ยังรวมถึงการพัฒนาตนเองอย่างเป็นระบบ การมีทิศทางในการทำงานที่ชัดเจน การเพิ่มแรงจูงใจในการทำงาน การสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ในการจัดการเรียนการสอน และการสร้างเครือข่ายในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับครูคนอื่นๆ การมีแบบข้อตกลงที่มีคุณภาพจะช่วยให้ครูมีความมั่นใจมากขึ้นในการปฏิบัติงาน และสามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อการเรียนรู้ของนักเรียนได้อย่างเป็นรูปธรรม

ในด้านการพัฒนาความเป็นผู้นำทางวิชาการ ครูชำนาญการควรกำหนดกิจกรรมที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการเป็นที่ปรึกษาแก่ครูใหม่หรือครูที่มีประสบการณ์น้อยกว่า การเป็นวิทยากรในการอบรมหรือสัมมนา การเขียนบทความทางวิชาการ หรือการเป็นหัวหน้าทีมในโครงการสำคัญๆ ของสถานศึกษา กิจกรรมเหล่านี้จะช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการก้าวสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นในอนาคต

การบูรณาการงานตามแบบข้อตกลงเข้ากับงานประจำให้เป็นหนึ่งเดียวกันเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การทำงานไม่เป็นภาระเพิ่มเติม ครูควรพิจารณาว่างานใดที่ทำอยู่แล้วในปกติสามารถพัฒนาให้มีคุณภาพสูงขึ้นและเป็นไปตามเป้าหมายในแบบข้อตกลง งานใดที่ต้องเพิ่มเติมหรือปรับปรุงใหม่ และงานใดที่ควรหยุดทำเพื่อให้มีเวลาสำหรับงานที่สำคัญกว่า การจัดลำดับความสำคัญของงานจะช่วยให้การใช้เวลาและพลังงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

การสร้างวัฒนธรรมการทำงานเป็นทีมและการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้การดำเนินงานตามแบบข้อตกลงประสบความสำเร็จ ครูควรสร้างเครือข่ายกับเพื่อนร่วมงานทั้งในและนอกสถานศึกษา เข้าร่วมกิจกรรมของชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ และมีส่วนร่วمในกิจกรรมต่างๆ ที่จัดโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การแบ่งปันประสบการณ์และเรียนรู้จากผู้อื่นจะช่วยให้มีแนวคิดใหม่ๆ ในการพัฒนางาน และลดความเครียดจากการทำงานคนเดียว

การเตรียมหลักฐานและเอกสารประกอบการประเมินเป็นสิ่งที่ควรดำเนินการควบคู่ไปกับการทำงาน ไม่ควรรอให้ใกล้เวลาประเมินแล้วค่อยมาจัดเตรียม ครูควรมีการจัดเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบ เช่น การถ่ายภาพกิจกรรม การบันทึกเหตุการณ์สำคัญ การเก็บผลงานของนักเรียน การจัดทำแฟ้มสะสมงาน และการขอหนังสือรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเมื่อมีการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ การมีหลักฐานที่ครบถ้วนและเป็นระบบจะช่วยให้การประเมินผลเป็นไปอย่างราบรื่นและเป็นธรรม

แนวโน้มในอนาคตของการประเมินครูและแบบข้อตกลงในการพัฒนางานคาดว่าจะมีการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยมากขึ้น การประเมินจะมีความหยืดหยุ่นและเหมาะสมกับบริบทของแต่ละสถานศึกษามากขึ้น การเน้นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับนักเรียนจะมีความสำคัญมากกว่าการดูกระบวนการเพียงอย่างเดียว และจะมีการให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะศตวรรษที่ 21 และการเตรียมนักเรียนให้พร้อมสำหรับโลกอนาคตมากขึ้น ครูควรเตรียมความพร้อมโดยการศึกษาเทคโนโลยีใหม่ๆ เพิ่มทักษะด้านดิจิทัล และพัฒนาความเข้าใจในเทรนด์การศึกษาร่วมสมัย

ข้อเสนอแนะสำหรับครูที่กำลังเตรียมจัดทำแบบข้อตกลงในการพัฒนางาน ควรเริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจกับตนเองว่ามีจุดแข็งและจุดที่ควรพัฒนาในด้านใดบ้าง มีความสนใจพิเศษในเรื่องใดที่สามารถนำมาพัฒนาเป็นโครงการหรือกิจกรรมได้ และมีทรัพยากรและการสนับสนุนอย่างไรบ้างจากสถานศึกษาและชุมชน การกำหนดเป้าหมายควรมีความท้าทายพอสมควรแต่ไม่ควรสูงเกินความสามารถ และควรมีการวางแผนสำรองในกรณีที่แผนหลักไม่สามารถดำเนินการได้ตามที่คาดหวัง

การสร้างแรงบันดาลใจและรักษาแรงจูงใจในการทำงานตามแบบข้อตกลงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้การดำเนินงานมีความต่อเนื่องและมีคุณภาพ ครูควรเฉลิมฉลองเมื่อบรรลุเป้าหมายย่อยต่างๆ แบ่งปันความสำเร็จกับเพื่อนร่วมงาน และมองหาแรงบันดาลใจจากการเห็นพัฒนาการของนักเรียน การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และการได้รับการยอมรับจากเพื่อนร่วมวิชาชีพ

“การจัดทำแบบข้อตกลงพัฒนางาน (PA) เพื่อยกระดับสมรรถนะครูชำนาญการ”

ความสำคัญของการพัฒนางาน (PA) สำหรับครูชำนาญการ

การพัฒนางาน (PA) ถือเป็นกระบวนการสำคัญในการยกระดับคุณภาพการศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับข้าราชการครูในตำแหน่งครูชำนาญการ ซึ่งเป็นบุคลากรที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาการเรียนการสอน การจัดทำข้อตกลงในการพัฒนางานเป็นขั้นตอนที่ช่วยกำหนดเป้าหมายและแนวทางการปฏิบัติงานที่ชัดเจน โดยมุ่งหวังให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีต่อผู้เรียนและพัฒนาศักยภาพของครูให้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ขั้นตอนการจัดทำข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA)

การจัดทำข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA) มีขั้นตอนที่ชัดเจนและเป็นระบบ ได้แก่

  1. การวิเคราะห์ตนเอง ครูต้องประเมินตนเองถึงจุดแข็งและจุดที่ต้องพัฒนา เพื่อกำหนดเป้าหมายการพัฒนาที่เหมาะสม
  2. การกำหนดเป้าหมาย ระบุเป้าหมายในการพัฒนางานที่สอดคล้องกับความต้องการของโรงเรียนและผู้เรียน
  3. การวางแผนปฏิบัติงาน กำหนดกิจกรรมหรือโครงการที่ต้องดำเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมาย
  4. การติดตามและประเมินผล มีการติดตามความก้าวหน้าและประเมินผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง

องค์ประกอบสำคัญของข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA)

ข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA) ประกอบด้วยองค์ประกอบหลัก ดังนี้

  1. เป้าหมายการพัฒนา ระบุสิ่งที่ต้องการพัฒนาอย่างชัดเจน
  2. กิจกรรมหรือแนวทางการพัฒนา ระบุวิธีการที่ใช้ในการบรรลุเป้าหมาย เช่น การอบรม สัมมนา หรือการพัฒนาสื่อการสอน
  3. เกณฑ์การประเมินผล ระบุเกณฑ์ที่ใช้ในการวัดความสำเร็จของการพัฒนา
  4. ระยะเวลา กำหนดกรอบเวลาในการดำเนินการ
  5. ทรัพยากรที่ใช้ ระบุทรัพยากรที่จำเป็น เช่น งบประมาณ อุปกรณ์ หรือบุคลากรสนับสนุน

ประโยชน์ของการทำข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA)

การจัดทำข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA) มีประโยชน์หลายประการ ได้แก่

  1. ส่งเสริมการพัฒนาตนเอง ช่วยให้ครูสามารถมุ่งเน้นการพัฒนาตนเองในด้านที่จำเป็น
  2. ยกระดับคุณภาพการสอน การพัฒนางานที่มีเป้าหมายชัดเจนช่วยให้การสอนมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
  3. สร้างความโปร่งใสในการปฏิบัติงาน ข้อตกลงที่ชัดเจนช่วยลดความคลุมเครือในการประเมินผล
  4. เสริมสร้างความร่วมมือ ช่วยส่งเสริมการทำงานร่วมกันระหว่างครู ผู้บริหาร และบุคลากรทางการศึกษา

บทบาทของผู้บริหารในกระบวนการ PA

ผู้บริหารมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนกระบวนการพัฒนางาน (PA) โดยทำหน้าที่

  1. ให้คำปรึกษาและชี้แนะแนวทาง ช่วยให้ครูเข้าใจขั้นตอนและวิธีการพัฒนางาน
  2. ติดตามและประเมินผล ติดตามความก้าวหน้าและให้ข้อเสนอแนะเพื่อการปรับปรุง
  3. จัดสรรทรัพยากร สนับสนุนทรัพยากรที่จำเป็นต่อการพัฒนา เช่น งบประมาณและอุปกรณ์การสอน
  4. สร้างแรงจูงใจ กระตุ้นให้ครูเห็นความสำคัญของการพัฒนางานและยอมรับการเปลี่ยนแปลง

ความท้าทายและแนวทางแก้ไขในการพัฒนางาน (PA)

แม้การพัฒนางาน (PA) จะเป็นประโยชน์ แต่ก็มีความท้าทายที่ต้องเผชิญ เช่น

  1. ข้อจำกัดด้านเวลา ครูอาจมีภาระงานมาก ทำให้มีเวลาจำกัดในการจัดทำ PA
  2. ทรัพยากรไม่เพียงพอ อาจขาดงบประมาณหรืออุปกรณ์ที่จำเป็น
  3. การขาดความรู้ความเข้าใจ บางครั้งครูอาจไม่เข้าใจวิธีการจัดทำ PA อย่างถูกต้อง

แนวทางแก้ไข

  • จัดอบรมและให้ความรู้เกี่ยวกับ PA
  • จัดสรรเวลาและทรัพยากรอย่างเหมาะสม
  • สร้างระบบพี่เลี้ยงหรือทีมสนับสนุนเพื่อช่วยเหลือครูในการพัฒนางาน

ด้วยการร่วมมือระหว่างครูและผู้บริหาร การพัฒนางาน (PA) จะเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการยกระดับคุณภาพการศึกษาและสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อผู้เรียนอย่างยั่งยืน

ตัวอย่างไฟล์เอกสาร แบบข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA) สำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่ง ครูชำนาญการ


แบบข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA) ตำแหน่ง ครูชำนาญการ
แบบข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA) ตำแหน่ง ครูชำนาญการ
แบบข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA) ตำแหน่ง ครูชำนาญการ

ดาวน์โหลดไฟล์เอกสารจากลิงก์ด้านล่างนี้ นะครับ

ขอบคุณแหล่งที่มา : คุณครูรัชตา กลิ่นแก้ว

บทความที่เกี่ยวข้อง

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

ข่าวยอดนิยม

ความคิดเห็นล่าสุด