สวัสดีเพื่อนๆ สมาชิก ครูต้นไผ่ดอทคอม ทุกท่านครับ วันนี้พบกับ ครูต้นไผ่ดอทคอม เช่นเคยครับ วันนี้แอดมินมีไฟล์มาแนะนำให้เพื่อนๆ สมาชิกได้ดาวน์โหลดไปใช้งาน เป็นไฟล์ แนวทางการดำเนินงาน ตามโครงการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษา ตั้งแต่ระดับอนุบาลจนจบการศึกษาบังคับ ปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ซึ่งเพื่อนๆ สมาชิกสามารถดาวน์โหลดนำไปศึกษาและนำไปเป็นแนวทางในใช้การดำเนินงาน ตามโครงการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษา ตั้งแต่ระดับอนุบาลจนจบการศึกษาบังคับ ปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ได้ครับ แอดมิน ขอแนะนำไฟล์ แนวทางการดำเนินงาน ตามโครงการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษา ตั้งแต่ระดับอนุบาลจนจบการศึกษาบังคับ ปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ตามรายละเอียดดังนี้ ครับ
แนวทางการดำเนินงาน ตามโครงการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษา ตั้งแต่ระดับอนุบาลจนจบการศึกษาบังคับ ปีงบประมาณ พ.ศ.2568

รัฐบาลเปิดโครงการสนับสนุนค่าใช้จ่ายการศึกษาฟรี 15 ปี ปีงบประมาณ 2568 พร้อมแนวทางดำเนินงานสำหรับผู้ปกครองและสถานศึกษา
โครงการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาตั้งแต่ระดับอนุบาลจนจบการศึกษาบังคับ ปีงบประมาณ พ.ศ.2568 เป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่มุ่งหวังให้เด็กไทยทุกคนได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพอย่างเท่าเทียมกัน โดยไม่ต้องกังวลเรื่องภาระค่าใช้จ่าย การดำเนินงานตามโครงการนี้มีรายละเอียดและขั้นตอนที่ผู้ปกครองและสถานศึกษาต้องทำความเข้าใจให้ถูกต้อง เพื่อให้การเข้าถึงสวัสดิการทางการศึกษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
การเตรียมความพร้อมสำหรับผู้ปกครองในการสมัครเข้าร่วมโครงการถือเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญมาก ผู้ปกครองจำเป็นต้องเตรียมเอกสารหลักฐานที่จำเป็นให้ครบถ้วน ได้แก่ สำเนาบัตรประชาชนของผู้ปกครองและนักเรียน สำเนาทะเบียนบ้าน หลักฐานการเปลี่ยนชื่อหรือนามสกุล หากมีการเปลี่ยนแปลง รูปถ่ายขนาด 1 นิ้วจำนวน 2 รูป และหลักฐานรายได้ของครัวเรือน เอกสารเหล่านี้ต้องเป็นฉบับปัจจุบันที่ไม่เก่ากว่า 3 เดือน และต้องรับรองสำเนาถูกต้องจากเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจ
ขั้นตอนการสมัครเข้าร่วมโครงการสามารถทำได้หลายช่องทาง เพื่อให้ผู้ปกครองสามารถเลือกช่องทางที่สะดวกที่สุด ช่องทางแรกคือการสมัครผ่านระบบออนไลน์ที่เว็บไซต์ของกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งสะดวกรวดเร็วและสามารถทำได้ตลอด 24 ชั่วโมง ผู้ปกครองต้องลงทะเบียนเข้าใช้งานระบบด้วยเลขบัตรประชาชน จากนั้นกรอกข้อมูลนักเรียนและครัวเรือนให้ครบถ้วน อัปโหลดเอกสารหลักฐานเป็นไฟล์ PDF หรือรูปภาพที่ชัดเจน และยืนยันการสมัครผ่าน OTP ที่ส่งไปยังหมายเลขโทรศัพท์ที่ลงทะเบียน
ช่องทางที่สองคือการสมัครผ่านสถานศึกษา โดยติดต่อกับครูหรือเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนที่นักเรียนกำลังศึกษาอยู่ หรือโรงเรียนที่นักเรียนต้องการสมัครเข้าเรียน สถานศึกษาจะมีเจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำและช่วยเหลือในการกรอกแบบฟอร์มและตรวจสอบเอกสารให้ถูกต้องครบถ้วน ช่องทางที่สามคือการสมัครที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ซึ่งจะมีจุดบริการประชาชนให้คำปรึกษาและรับสมัครในวันและเวลาราชการ
เกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติของผู้สมัครมีความชัดเจนและยุติธรรม นักเรียนต้องมีสัญชาติไทย หรือเป็นบุตรของผู้ที่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย อายุต้องเหมาะสมกับระดับชั้นการศึกษา คือ อนุบาลอายุ 3-5 ปี ประถมศึกษาอายุ 6-11 ปี และมัธยมศึกษาตอนต้นอายุ 12-14 ปี รายได้ของครัวเรือนต้องไม่เกินเกณฑ์ที่กำหนด ซึ่งจะพิจารณาจากรายได้เฉลี่ยต่อคนในครัวเรือนต่อเดือน และไม่ได้รับสวัสดิการการศึกษาฟรีจากหน่วยงานอื่นในลักษณะเดียวกัน
ประเภทของค่าใช้จ่ายที่โครงการสนับสนุนครอบคลุมทุกด้านที่จำเป็นสำหรับการเรียนรู้ของนักเรียน ค่าเครื่องแบบนักเรียนที่รวมถึงเสื้อ กางเกงหรือกระโปรง รองเท้านักเรียน ถุงเท้า และเครื่องหมายต่างๆ ตามระเบียบของสถานศึกษา ค่าอุปกรณ์การเรียนที่ครอบคลุมหนังสือเรียน สมุดบันทึก เครื่องเขียน ไม้บรรทัด กระเป๋านักเรียน และอุปกรณ์พิเศษสำหรับวิชาเฉพาะ เช่น อุปกรณ์วิทยาศาสตร์ อุปกรณ์ศิลปะ หรืออุปกรณ์ดนตรี
ค่ากิจกรรมพัฒนาผู้เรียนที่สถานศึกษาจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้นอกห้องเรียน เช่น กิจกรรมทัศนศึกษา กิจกรรมค่ายวิชาการ การแข่งขันทางวิชาการ และกิจกรรมพัฒนาทักษะชีวิต ค่าอาหารกลางวันที่มีคุณค่าทางโภชนาการเหมาะสมกับวัยของนักเรียนแต่ละระดับ และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่จำเป็นสำหรับการเรียนการสอน เช่น ค่าบำรุงการศึกษา ค่าประกันอุบัติเหตุ หรือค่าตรวจสุขภาพประจำปี
กระบวนการตรวจสอบและอนุมัติใบสมัครเป็นขั้นตอนที่ต้องใช้ความละเอียดรอบคอบ หลังจากที่ผู้ปกครองยื่นใบสมัครแล้ว เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบความครบถ้วนและความถูกต้องของเอกสารหลักฐาน หากพบว่าเอกสารไม่ครบถ้วนหรือไม่ถูกต้อง จะแจ้งให้ผู้สมัครทราบและดำเนินการแก้ไขภายในระยะเวลาที่กำหนด การตรวจสอบรายได้ครัวเรือนจะอ้างอิงข้อมูลจากหลายแหล่ง เช่น ข้อมูลจากกรมสรรพากร ข้อมูลการจ่ายเงินเดือนจากนายจ้าง หรือการตรวจสอบจากการสำรวจพื้นที่
การพิจารณาอนุมัติจะดำเนินการโดยคณะกรรมการระดับเขตพื้นที่การศึกษา ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ผู้แทนสถานศึกษา ผู้แทนผู้ปกครองนักเรียน และผู้แทนจากชุมชน กระบวนการพิจารณาจะใช้หลักความโปร่งใส ยุติธรม และเป็นธรรม โดยจัดลำดับความจำเป็นและความต้องการของแต่ละครัวเรือน ผลการพิจารณาจะแจ้งให้ผู้สมัครทราบผ่านช่องทางที่ระบุไว้ในใบสมัคร ภายในระยะเวลา 30 วันทำการนับจากวันที่ได้รับใบสมัครที่ครบถ้วน
สำหรับผู้สมัครที่ได้รับอนุมัติจะต้องดำเนินการตามขั้นตอนที่กำหนดเพื่อรับสวัสดิการ การรับเงินสนับสนุนจะดำเนินการผ่านระบบธนาคาร โดยผู้ปกครองต้องเปิดบัญชีออมทรัพย์ในนามของนักเรียนที่ธนาคารที่รัฐบาลกำหนด และแจ้งหมายเลขบัญชีให้กับสถานศึกษา เงินสนับสนุนจะโอนเข้าบัญชีตามปฏิทินที่กำหนด ซึ่งแบ่งเป็นการโอนรายเทอมและการโอนรายเดือนตามประเภทของค่าใช้จ่าย
ระบบการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานเป็นกลไกสำคัญในการรับประกันประสิทธิภาพของโครงการ สถานศึกษาต้องรายงานการใช้จ่ายเงินสนับสนุนและผลการดำเนินงานเป็นรายเดือน ผู้ปกครองสามารถตรวจสอบสถานะการรับสวัสดิการและการใช้จ่ายผ่านระบบออนไลน์ได้ตลอดเวลา มีกลไกการร้องเรียนหากพบปัญหาหรือข้อผิดพลาดในการดำเนินงาน และจัดให้มีการประเมินผลกระทบของโครงการต่อคุณภาพการศึกษาและสภาพความเป็นอยู่ของนักเรียนเป็นประจำทุกปี
ข้อปฏิบัติสำหรับสถานศึกษาในการเข้าร่วมโครงการมีความสำคัญต่อความสำเร็จของโครงการ สถานศึกษาต้องแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินงานโครงการระดับสถานศึกษา ซึ่งประกอบด้วยผู้อำนวยการสถานศึกษา รองผู้อำนวยการ หัวหน้างานวิชาการ ครูที่ปรึกษา และผู้แทนผู้ปกครองนักเรียน จัดทำแผนการดำเนินงานรายปีที่สอดคล้องกับนโยบายและแนวทางของโครงการ กำหนดบุคลากรรับผิดชอบงานต่างๆ ให้ชัดเจน และจัดอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับโครงการแก่ครูและบุคลากรทุกคน
การประชาสัมพันธ์โครงการให้ผู้ปกครองและชุมชนทราบเป็นหน้าที่สำคัญของสถานศึกษา ต้องใช้ช่องทางการสื่อสารที่หลากหลาย เช่น การจัดประชุมผู้ปกครองนักเรียน การส่งจดหมายแจ้งข่าวสาร การประชาสัมพันธ์ผ่านเว็บไซต์และสื่อโซเซียลมีเดียของสถานศึกษา การติดป้ายประกาศ และการประสานงานกับผู้นำชุมชนให้ช่วยเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร ข้อมูลที่ประชาสัมพันธ์ต้องชัดเจน เข้าใจง่าย และครอบคลุมทุกรายละเอียดที่สำคัญ
การให้บริการและอำนวยความสะดวกแก่ผู้ปกครองในการยื่นใบสมัครเป็นอีกหน้าที่หนึ่งที่สถานศึกษาต้องให้ความสำคัญ จัดตั้งจุดบริการรับสมัครที่สะดวกและเป็นระเบียบ มีเจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำและช่วยเหลือผู้ปกครองที่มีปัญหาในการกรอกแบบฟอร์ม มีเครื่องถ่ายเอกสารและอุปกรณ์สำนักงานไว้บริการ และกำหนดเวลาให้บริการที่เหมาะสมกับผู้ปกครองที่ทำงานหลายเวลา รวมถึงการให้บริการนอกเวลาราชการหรือวันหยุดเสาร์อาทิตย์ตามความจำเป็น
การจัดการงบประมาณและการใช้จ่ายเงินสนับสนุนต้องเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลและความโปร่งใส สถานศึกษาต้องเปิดบัญชีธนาคารเฉพาะโครงการ แยกจากบัญชีอื่นๆ ของสถานศึกษา ทำบัญชีรายรับรายจ่ายอย่างถูกต้องและครบถ้วน เก็บใบเสร็จรับเงินและเอกสารการจ่ายเงินทุกรายการ จัดทำรายงานการใช้จ่ายเป็นรายเดือนส่งให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และยินดีให้หน่วยงานตรวจสอบตรวจสอบบัญชีและการใช้จ่ายได้ตลอดเวลา
การประเมินผลและรายงานความก้าวหน้าเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการบริหารจัดการโครงการ สถานศึกษาต้องติดตามผลการเรียนรู้ของนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการ เปรียบเทียบกับนักเรียนทั่วไป ประเมินความพึงพอใจของผู้ปกครองและนักเรียนต่อการดำเนินงานโครงการ สำรวจปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงาน และเสนอแนวทางปรับปรุงพัฒนาการดำเนินงานในปีถัดไป รายงานผลการประเมินจะต้องส่งให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตามกำหนดเวลา
ปฏิทินการดำเนินงานตลอดปีการศึกษามีความสำคัญต่อการวางแผนและการปฏิบัติงานของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ช่วงเดือนมีนาคมถึงเมษายนเป็นช่วงเตรียมการและประชาสัมพันธ์โครงการ สถานศึกษาจัดทำแผนการดำเนินงาน อบรมบุคลากร และเริ่มประชาสัมพันธ์ให้ผู้ปกครองทราบ ช่วงเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายนเป็นช่วงรับสมัครและตรวจสอบคุณสมบัติ ผู้ปกครองยื่นใบสมัคร เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเอกสารและคุณสมบัติ และดำเนินการสำรวจข้อมูลเพิ่มเติมตามความจำเป็น
ช่วงเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคมเป็นช่วงพิจารณาและอนุมัติ คณะกรรมการพิจารณาอนุมัติใบสมัคร แจ้งผลการอนุมัติให้ผู้สมัครทราบ และดำเนินการเตรียมการจ่ายเงินสนับสนุน ช่วงเดือนกันยายนถึงธันวาคมเป็นช่วงเทอมแรกของการดำเนินงาน เริ่มจ่ายเงินสนับสนุนตามประเภทและปฏิทินที่กำหนด ติดตามและประเมินผลการดำเนินงาน รวมถึงการแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้น
ช่วงเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์เป็นช่วงเทอมสองและการประเมินผลประจำปี ดำเนินการจ่ายเงินสนับสนุนต่อเนื่องจากเทอมแรก จัดทำรายงานผลการดำเนินงานประจำปี และเตรียมการสำหรับปีการศึกษาถัดไป การปฏิบัติตามปฏิทินอย่างเคร่งครัดจะช่วยให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ
กลไกการติดตามและแก้ไขปัญหาเป็นระบบที่ช่วยให้โครงการดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ จัดตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียนและแก้ไขปัญหาที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาและสถานศึกษา มีหมายเลขโทรศัพท์และช่องทางออนไลน์สำหรับการติดต่อ กำหนดระยะเวลาในการตอบกลับและแก้ไขปัญหาไม่เกิน 7 วันทำการ มีกระบวนการอุทธรณ์สำหรับกรณีที่ผู้สมัครไม่พอใจผลการพิจารณา และจัดให้มีการติดตามผลการแก้ไขปัญหาให้เป็นไปตามที่กำหนด
การพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานโครงการเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความสะดวกในการให้บริการ พัฒนาแอปพลิเคชันมือถือสำหรับผู้ปกครองในการสมัคร ติดตามสถานะ และรับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับโครงการ จัดทำระบบฐานข้อมูลกลางที่เชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานต่างๆ เพื่อลดความซ้ำซ้อนและเพิ่มความถูกต้องของข้อมูล
ระบบการรายงานอัตโนมัติที่ช่วยลดภาระงานของเจ้าหน้าที่และเพิ่มความแม่นยำของข้อมูล การใช้เทคโนโลยี Big Data และ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลและคาดการณ์ความต้องการของผู้รับบริการ และการพัฒนาระบบการเรียนรู้ออนไลน์เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับโครงการแก่บุคลากรที่เกี่ยวข้อง การลงทุนในเทคโนโลยีเหล่านี้จะช่วยให้การดำเนินงานโครงการมีประสิทธิภาพมากขึ้นและสามารถให้บริการที่ดีแก่ประชาชนได้ตรงตามความต้องการ
การสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรภาคประชาสังคมเป็นกลยุทธ์สำคัญในการขับเคลื่อนโครงการให้บรรลุวัตถุประสงค์ การประสานงานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อสนับสนุนทรัพยากรและการดำเนินงานในพื้นที่ การเชิญชวนภาคเอกชนเข้ามาร่วมสนับสนุนในรูปแบบของการบริจาคหรือการสนับสนุนโครงการพิเศษ การทำงานร่วมกับองค์กรพัฒนาเอกชนที่มีประสบการณ์ในการทำงานด้านการศึกษา และการสร้างเครือข่ายผู้ปกครองและชุมชนให้เข้ามามีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนโครงการ
แนวทางการดำเนินงานโครงการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษา ปีงบประมาณ 2568
บทนำ
โครงการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาตั้งแต่ระดับอนุบาลจนจบการศึกษาภาคบังคับ เป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการเข้าถึงการศึกษาของเด็กและเยาวชนอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 โครงการนี้ยังคงดำเนินต่อไปโดยมีแนวทางการดำเนินงานที่ชัดเจนและสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
วัตถุประสงค์ของโครงการ
โครงการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษามีวัตถุประสงค์หลัก ได้แก่ 1) ลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครองในการศึกษาของบุตรหลาน 2) ส่งเสริมการเข้าถึงการศึกษาของเด็กทุกคนอย่างเท่าเทียม 3) พัฒนาคุณภาพการศึกษาโดยจัดสรรทรัพยากรที่เหมาะสม 4) ป้องกันการออกจากระบบการศึกษาก่อนวัยอันควร
กลุ่มเป้าหมายของโครงการ
โครงการนี้ครอบคลุมเด็กและเยาวชนที่อยู่ในช่วงอายุการศึกษาภาคบังคับ ตั้งแต่ระดับอนุบาลถึงมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยไม่คำนึงถึงฐานะทางเศรษฐกิจและสังคม ทั้งในโรงเรียนของรัฐและโรงเรียนเอกชนที่เข้าร่วมโครงการ รวมถึงกลุ่มนักเรียนที่มีความต้องการพิเศษ
รายละเอียดค่าใช้จ่ายที่ได้รับการสนับสนุน
ค่าใช้จ่ายที่โครงการให้การสนับสนุนประกอบด้วย 1) ค่าเล่าเรียน 2) ค่าหนังสือเรียน 3) ค่าอุปกรณ์การเรียน 4) ค่าเครื่องแบบนักเรียน และ 5) ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน โดยจะมีการจัดสรรงบประมาณให้แก่สถานศึกษาเพื่อนำไปใช้ตามความจำเป็น
แนวทางการบริหารจัดการงบประมาณ
งบประมาณที่ได้รับการจัดสรรจะถูกบริหารจัดการโดยหน่วยงานทางการศึกษาที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และสถานศึกษาต่าง ๆ โดยมีการกำหนดแนวทางที่ชัดเจนเกี่ยวกับการใช้จ่าย รวมถึงระบบติดตามและประเมินผลเพื่อให้การดำเนินโครงการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
บทบาทของสถานศึกษาในการดำเนินโครงการ
สถานศึกษามีบทบาทสำคัญในการดำเนินโครงการ ไม่ว่าจะเป็นการจัดทำแผนการใช้จ่ายงบประมาณ การดูแลให้การจัดสรรเงินเป็นไปตามวัตถุประสงค์ และการติดตามผลการใช้จ่าย นอกจากนี้ ยังต้องให้ข้อมูลแก่ผู้ปกครองและนักเรียนเกี่ยวกับสิทธิ์และแนวทางการใช้จ่ายเงินที่ได้รับการสนับสนุน
การมีส่วนร่วมของผู้ปกครองและชุมชน
ผู้ปกครองและชุมชนสามารถมีบทบาทในการสนับสนุนการดำเนินโครงการได้ โดยการร่วมมือกับโรงเรียนในการบริหารจัดการงบประมาณ และเสนอแนะเกี่ยวกับการใช้จ่ายเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้เรียน นอกจากนี้ การมีส่วนร่วมของชุมชนยังช่วยสร้างความโปร่งใสและความไว้วางใจในระบบการจัดการงบประมาณการศึกษา
ระบบติดตามและประเมินผล
เพื่อให้โครงการบรรลุเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ จึงต้องมีระบบติดตามและประเมินผลที่รัดกุม โดยการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับการใช้จ่ายงบประมาณ ความพึงพอใจของผู้ปกครองและนักเรียน ตลอดจนผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษา ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะถูกนำมาใช้ในการปรับปรุงแนวทางการดำเนินงานให้ดียิ่งขึ้น
แนวทางพัฒนาโครงการในอนาคต
โครงการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษามีแนวโน้มที่จะได้รับการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยอาจมีการขยายขอบเขตการสนับสนุนไปยังระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย หรือการเพิ่มสวัสดิการอื่น ๆ เช่น ค่าเดินทางหรือค่าอาหารกลางวัน รวมถึงการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยบริหารจัดการงบประมาณอย่างโปร่งใสและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ตัวอย่างไฟล์เอกสาร แนวทางการดำเนินงาน ตามโครงการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษา ตั้งแต่ระดับอนุบาลจนจบการศึกษาบังคับ ปีงบประมาณ พ.ศ.2568


