ลูกเสือเนตรนารี พื้นฐานชีวิต วินัย และการเป็นพลเมืองดีของชาติ
ลูกเสือเนตรนารีถือเป็นกิจกรรมเสริมหลักสูตรที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาเยาวชนไทยทั้งในด้านร่างกาย จิตใจ สังคม และคุณธรรม กิจกรรมนี้ไม่เพียงแต่เป็นการฝึกฝนทักษะกลางแจ้ง หรือสร้างความสนุกสนานเท่านั้น แต่ยังเป็นกระบวนการที่ปลูกฝังคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เช่น ความมีวินัย ความเสียสละ ความอดทน และการรู้จักช่วยเหลือผู้อื่นอย่างมีจิตสาธารณะ

ต้นกำเนิดของลูกเสือเริ่มขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2450 โดยท่านลอร์ด เบเดน โพเวลล์ แห่งประเทศอังกฤษ ซึ่งในเวลาต่อมากิจกรรมลูกเสือได้แพร่หลายไปทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย ที่ได้มีการจัดตั้งกิจกรรมลูกเสือขึ้นอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2454 โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงเล็งเห็นถึงความสำคัญของการฝึกอบรมเยาวชนให้เป็นคนดี มีระเบียบวินัย มีจิตใจกล้าหาญ และเป็นกำลังสำคัญของชาติในอนาคต
ลูกเสือแบ่งออกเป็นหลายระดับชั้นตามช่วงวัย ได้แก่ ลูกเสือสำรอง ลูกเสือสามัญ ลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ และลูกเสือวิสามัญ เช่นเดียวกับเนตรนารีที่แบ่งออกเป็น เนตรนารีสำรอง เนตรนารีสามัญ เนตรนารีสามัญรุ่นใหญ่ และเนตรนารีวิสามัญ การแบ่งระดับชั้นนี้ช่วยให้การฝึกอบรมมีความเหมาะสมตามพัฒนาการของเด็กและเยาวชนในแต่ละช่วงวัย
หนึ่งในหัวใจสำคัญของการเป็นลูกเสือเนตรนารี คือ “คำปฏิญาณ” และ “กฎของลูกเสือ” ซึ่งเป็นหลักยึดในการดำเนินชีวิตและแสดงออกถึงความรับผิดชอบต่อส่วนรวม เช่น การซื่อสัตย์ การช่วยเหลือผู้อื่น และการปฏิบัติตนตามหน้าที่อย่างดีที่สุด นอกจากนี้ยังมีหลักสูตรการเรียนรู้ผ่านกิจกรรม เช่น การอยู่ค่ายพักแรม การเดินทางไกล การบุกเบิก การผจญภัย และการช่วยเหลือผู้ประสบภัยธรรมชาติ ซึ่งเป็นการเรียนรู้ผ่านการปฏิบัติจริง สร้างความทรงจำอันมีค่าและเสริมสร้างความเข้มแข็งทั้งทางร่างกายและจิตใจ
ในปัจจุบัน กิจกรรมลูกเสือเนตรนารีได้รับการปรับปรุงและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมและเทคโนโลยี ยกตัวอย่างเช่น การนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยในการเรียนรู้ การจัดกิจกรรมออนไลน์ในช่วงที่ไม่สามารถจัดกิจกรรมกลางแจ้งได้ รวมถึงการเน้นการเรียนรู้แบบโครงการ (Project-based Learning) ที่เน้นการลงมือทำจริง เพื่อให้เยาวชนได้ใช้ความคิดวิเคราะห์และสร้างสรรค์ควบคู่กับคุณธรรมจริยธรรม
ความสำเร็จของลูกเสือเนตรนารีมิได้วัดจากเครื่องหมายหรือเข็มที่ได้รับเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม การมีวินัยในตนเอง การเป็นคนตรงต่อเวลา ความรับผิดชอบ และการเป็นผู้นำที่มีคุณธรรม คุณลักษณะเหล่านี้จะติดตัวผู้ที่ผ่านการฝึกอบรมลูกเสือเนตรนารีไปตลอดชีวิต ไม่ว่าจะอยู่ในบทบาทใดของสังคม
นอกจากการฝึกฝนทักษะและคุณธรรมส่วนบุคคลแล้ว ลูกเสือเนตรนารียังเป็นเวทีที่เสริมสร้างความเป็นประชาธิปไตย ความเสียสละ และการอยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างสันติ เด็กและเยาวชนจะได้เรียนรู้การเคารพความคิดเห็นที่แตกต่าง การทำงานเป็นทีม และการแก้ไขปัญหาอย่างมีระบบ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นทักษะสำคัญของพลเมืองในศตวรรษที่ 21
กิจกรรมเด่นที่สร้างความประทับใจแก่ลูกเสือเนตรนารี คือ การเข้าค่ายพักแรม ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่เด็กหลายคนไม่เคยพบเจอมาก่อน เช่น การนอนเต็นท์กลางป่า การประกอบอาหารด้วยตนเอง การจัดระเบียบค่าย การทำเวรดูแลความสะอาด ตลอดจนกิจกรรมฐานต่างๆ ที่ท้าทายและสนุกสนาน เช่น การผูกเงื่อน การเดินเข็มทิศ การหาทิศทางโดยใช้ธรรมชาติ การช่วยชีวิตเบื้องต้น ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ทำให้เด็กเกิดความภาคภูมิใจในตนเอง รู้จักพึ่งพาตนเอง และเข้าใจถึงความยากลำบากของผู้อื่น
ไม่เพียงเท่านั้น กิจกรรมลูกเสือเนตรนารียังส่งเสริมการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ลดการพึ่งพาเทคโนโลยีเกินความจำเป็น และป้องกันปัญหาสังคม เช่น การติดเกม การใช้สารเสพติด หรือพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการเกิดอาชญากรรม การได้เข้าร่วมกิจกรรมกับเพื่อนในสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัย จะช่วยให้เด็กเติบโตมาอย่างมีคุณภาพและสามารถหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เบี่ยงเบนได้
ในด้านครอบครัวและโรงเรียน การส่งเสริมให้เด็กเข้าร่วมกิจกรรมลูกเสือเนตรนารี คือการสนับสนุนให้เยาวชนได้เรียนรู้จากชีวิตจริง พ่อแม่ผู้ปกครองสามารถมีส่วนร่วมในการสนับสนุนหรือทำกิจกรรมร่วมกันในบางโอกาส เช่น การร่วมค่ายผู้ปกครอง การร่วมกิจกรรมวันลูกเสือแห่งชาติ สิ่งเหล่านี้เป็นโอกาสในการสร้างความสัมพันธ์อันดีภายในครอบครัวและช่วยเสริมสร้างจิตใจของเด็กให้แข็งแรง
ในด้านสังคม ประเทศไทยได้มีการจัดกิจกรรมลูกเสือเนตรนารีระดับชาติและนานาชาติอย่างต่อเนื่อง เช่น ค่ายลูกเสือระดับจังหวัด ค่ายลูกเสือระดับชาติ และค่ายลูกเสือโลก ซึ่งเปิดโอกาสให้เยาวชนได้พบปะแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเพื่อนต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ เสริมสร้างทักษะการสื่อสารและการใช้ภาษาต่างประเทศ ตลอดจนการเรียนรู้วัฒนธรรมที่หลากหลาย สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นรากฐานสำคัญของความเข้าใจอันดีและสันติภาพในระดับโลก
การส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมลูกเสือเนตรนารีอย่างจริงจังจึงเป็นการลงทุนเพื่ออนาคตของชาติ เพราะเยาวชนในวันนี้คือผู้นำในวันข้างหน้า การปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม และทักษะชีวิตตั้งแต่วัยเยาว์ จะทำให้ประเทศไทยมีประชากรที่มีคุณภาพ มีจิตสำนึกต่อส่วนรวม และสามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงในโลกอนาคตได้อย่างมั่นคง
สุดท้ายนี้ การเป็นลูกเสือเนตรนารีมิใช่เพียงแค่เครื่องแบบ หรือกิจกรรมเสริมหลักสูตรในโรงเรียน แต่คือเส้นทางแห่งการเรียนรู้ การเติบโต และการพัฒนาเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ทั้งด้านความคิด ความรู้สึก และการกระทำ เราจึงควรภาคภูมิใจที่ได้มีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งของการหล่อหลอมเยาวชนไทยให้เป็น “คนดี มีวินัย และมีจิตสาธารณะ” ตามเจตนารมณ์ของกิจกรรมลูกเสือเนตรนารีอย่างแท้จริง
วิธีการคำนวณค่าบำรุงลูกเสือเนตรนารีของโรงเรียนอย่างถูกต้องและครอบคลุม
การคำนวณค่าบำรุงลูกเสือเนตรนารีของโรงเรียนเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ปกครองและครูผู้ดูแลกิจกรรม เพราะการวางแผนทางการเงินที่ดีจะส่งผลให้กิจกรรมลูกเสือดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่นักเรียน ค่าบำรุงลูกเสือเนตรนารีนั้นประกอบด้วยหลายรายการที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เริ่มตั้งแต่ค่าเครื่องแบบ อุปกรณ์การเรียน วัสดุสำหรับกิจกรรม ค่าตอบแทนผู้ฝึกสอน รวมไปถึงค่าใช้จ่ายในการจัดกิจกรรมพิเศษต่างๆ ที่จำเป็นต้องมีเพื่อพัฒนาทักษะและความรู้ของนักเรียนให้ครบถ้วนตามหลักสูตรลูกเสือที่กำหนด
องค์ประกอบหลักของค่าบำรุงลูกเสือเนตรนารีจะต้องคิดจากความจำเป็นพื้นฐานในการดำเนินกิจกรรมตลอดปีการศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่าเครื่องแบบลูกเสือเนตรนารีที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ประกอบด้วยเสื้อลูกเสือแขนยาวหรือแขนสั้น กางเกงหรือกระโปรงตามระเบียบ หมวกลูกเสือ เข็มขัดพร้อมหัวเข็มขัด รองเท้าสีดำ ถุงเท้าสีขาว ผ้าใส่คอลูกเสือ รวมถึงอุปกรณ์ประกอบอื่นๆ เช่น เข็มกลัดตำแหน่ง แพชงาน ตรางมม เข็มกลัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ซึ่งแต่ละรายการมีราคาที่แตกต่างกันไปตามคุณภาพและแบรนด์ที่เลือกใช้
การคำนวณค่าอุปกรณ์การเรียนการสอนลูกเสือเนตรนารีจะต้องพิจารณาจากกิจกรรมที่กำหนดไว้ในหลักสูตร เช่น หนังสือคู่มือลูกเสือเนตรนารี สมุดบันทึกกิจกรรม ปากกาและดินสอสำหรับจดบันทึก อุปกรณ์สำหรับเรียนรู้ทักษะต่างๆ เช่น เชือก ไม้ไผ่สำหรับผูกเงื่อน ผ้าพันแผลและอุปกรณ์ปฐมพยาบาล เครื่องดนตรีเล็กๆ เช่น นกหวีด กลอง เข็มทิศ แผนที่ รวมถึงอุปกรณ์สำหรับกิจกรรมกลางแจ้งต่างๆ ที่ช่วยส่งเสริมให้นักเรียนได้เรียนรู้และฝึกฝนทักษะที่จำเป็น
ค่าตอบแทนผู้ฝึกสอนลูกเสือเนตรนารีเป็นส่วนสำคัญที่ต้องคำนวณอย่างรอบคอบ เนื่องจากการดำเนินกิจกรรมลูกเสือที่มีคุณภาพจำเป็นต้องมีผู้ฝึกสอนที่มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ในการสอนลูกเสือเนตรนารี โดยทั่วไปแล้วผู้ฝึกสอนจะได้รับค่าตอบแทนตามจำนวนชั่วโมงการสอนและจำนวนนักเรียนที่รับผิดชอบ ซึ่งอัตราค่าตอบแทนอาจแตกต่างกันไปตามคุณวุฒิและประสบการณ์ของผู้ฝึกสอน บางโรงเรียนอาจมีครูประจำที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลกิจกรรมลูกเสือ แต่บางโรงเรียนอาจต้องจ้างผู้ฝึกสอนภายนอกมาช่วยเหลือ
ค่าใช้จ่ายในการจัดกิจกรรมพิเศษต่างๆ เป็นอีกหนึ่งรายการสำคัญที่ต้องนำมาคำนวณรวมในค่าบำรุงลูกเสือเนตรนารี เช่น ค่าเดินทางไปทำกิจกรรมนอกสถานที่ ค่าอาหารและเครื่องดื่มสำหรับกิจกรรมค่าย ค่าที่พักในกรณีที่มีการจัดค่ายคืน ค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการเรียนรู้ ค่าวัสดุสำหรับทำกิจกรรมงานฝีมือ ค่าของรางวัลสำหรับการแข่งขันหรือกิจกรรมยกย่องชมเชย ค่าจัดทำใบประกาศนียบัตรหรือเกียรติบัตร ค่าถ่ายภาพเป็นที่ระลึก และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นตามลักษณะของกิจกรรมที่วางแผนไว้
วิธีการคำนวณค่าบำรุงลูกเสือเนตรนารีให้ถูกต้องและเป็นธรรมแก่ผู้ปกครองนั้น ควรเริ่มจากการสำรวจความต้องการและจัดทำรายการค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่คาดว่าจะเกิดขึ้นตลอดปีการศึกษา จากนั้นจึงแบ่งค่าใช้จ่ายออกเป็นหมวดหมู่ตามประเภท เช่น หมวดเครื่องแบบและอุปกรณ์ส่วนบุคคล หมวดวัสดุการเรียนการสอน หมวดค่าตอบแทนบุคลากร หมวดกิจกรรมพิเศษ และหมวดค่าใช้จ่ายอื่นๆ การแบ่งหมวดหมู่นี้จะช่วยให้การคำนวณเป็นระบบและง่ายต่อการตรวจสอบ
การกำหนดราคาของแต่ละรายการควรอิงจากราคาตลาดปัจจุบันและเปรียบเทียบราคาจากผู้จำหน่ายหลายราย เพื่อให้ได้ราคาที่เหมาะสมและคุ้มค่า สำหรับเครื่องแบบลูกเสือนั้น ควรพิจารณาถึงคุณภาพของผ้าและการตัดเย็บ เพราะเครื่องแบบที่มีคุณภาพดีจะมีความทนทานและใช้งานได้นาน ซึ่งจะคุ้มค่ากับเงินที่จ่าย สำหรับอุปกรณ์การเรียนการสอน ควรเลือกของที่มีคุณภาพเหมาะสมกับการใช้งานและมีความปลอดภัยสำหรับนักเรียน
การคำนวณค่าบำรุงต่อหัวของนักเรียนจะต้องนำค่าใช้จ่ายรวมทั้งหมดมาหารด้วยจำนวนนักเรียนที่เข้าร่วมกิจกรรม โดยอาจต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายสำรองประมาณ 5-10 เปอร์เซ็นต์ เพื่อป้องกันกรณีที่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่ไม่ได้คาดการณ์ไว้ หรือกรณีที่ราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้น การมีเงินสำรองนี้จะช่วยให้การดำเนินกิจกรรมเป็นไปได้อย่างราบรื่นและไม่ต้องเก็บเงินเพิ่มจากผู้ปกครองในภายหลัง
ตัวอย่างการคำนวณค่าบำรุงลูกเสือเนตรนารีสำหรับนักเรียน 100 คน หากค่าเครื่องแบบและอุปกรณ์ส่วนบุคคลต่อคน 1500 บาท ค่าวัสดุการเรียนการสอนรวม 20000 บาท ค่าตอบแทนผู้ฝึกสอน 15000 บาท ค่ากิจกรรมพิเศษ 10000 บาท และค่าใช้จ่ายอื่นๆ 5000 บาท รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดจะเท่ากับ 200000 บาท เมื่อหารด้วยจำนวนนักเรียน 100 คน จะได้ค่าบำรุงต่อคน 2000 บาท และหากเพิ่มค่าสำรอง 10 เปอร์เซ็นต์ จะได้ค่าบำรุงสุดท้าย 2200 บาท ต่อคน
ปัจจัยที่ส่งผลต่อการคำนวณค่าบำรุงลูกเสือเนตรนารีมีหลายประการ เช่น จำนวนนักเรียนที่เข้าร่วม ยิ่งมีนักเรียนมาก ค่าใช้จ่ายต่อหัวยิ่งลดลง ประเภทและจำนวนกิจกรรมที่จัด ยิ่งมีกิจกรรมหลากหลายและซับซ้อน ค่าใช้จ่ายยิ่งสูง ระยะเวลาในการดำเนินกิจกรรม ยิ่งนาน ค่าใช้จ่ายยิ่งมาก คุณภาพของเครื่องแบบและอุปกรณ์ ยิ่งมีคุณภาพดี ราคายิ่งสูง และสถานที่จัดกิจกรรม หากจัดในสถานที่พิเศษหรือห่างไกล ค่าใช้จ่ายจะเพิ่มขึ้น
การประหยัดค่าใช้จ่ายในการคำนวณค่าบำรุงลูกเสือเนตรนารีสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การรวมกลุ่มซื้ออุปกรณ์เพื่อได้ราคาส่ง การเลือกใช้วัสดุท้องถิ่นแทนของนำเข้า การจัดกิจกรรมในสถานที่ที่ไม่มีค่าใช้จ่าย เช่น สวนสาธารณะ วัด หรือสถานที่ราชการ การใช้อุปกรณ์ของโรงเรียนร่วมกัน การขอรับการสนับสนุนจากชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือภาคเอกชน การจัดหากิจกรรมระดมทุนเพื่อลดค่าใช้จ่าย และการจัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับโรงเรียนอื่นๆ
การนำเสนอรายละเอียดค่าบำรุงแก่ผู้ปกครองควรทำอย่างโปร่งใสและชัดเจน โดยแสดงรายการค่าใช้จ่ายแต่ละหมวดอย่างละเอียด พร้อมทั้งอธิบายเหตุผลและความจำเป็นของแต่ละรายการ ควรจัดทำเอกสารแจกให้ผู้ปกครองได้ศึกษาล่วงหน้า และเปิดโอกาสให้สอบถามหรือให้ข้อเสนอแนะ การมีการประชุมผู้ปกครองเพื่ออธิบายรายละเอียดและรับฟังความคิดเห็นจะช่วยสร้างความเข้าใจและความร่วมมือที่ดี
การจัดเก็บและการจ่ายเงินค่าบำรุงลูกเสือเนตรนารีควรมีระบบการบริหารจัดการที่ดี มีการบันทึกรายรับรายจ่ายอย่างละเอียด มีใบเสร็จรับเงินครบถ้วน มีการตรวจสอบความถูกต้องของการใช้จ่ายเป็นระยะ และมีการรายงานผลการใช้จ่ายให้ผู้ปกครองทราบ การมีระบบการเงินที่โปร่งใสและตรวจสอบได้จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นและไว้วางใจจากผู้ปกครอง
ความผิดพลาดที่พบบ่อยในการคำนวณค่าบำรุงลูกเสือเนตรนารี ได้แก่ การประมาณค่าใช้จ่ายต่ำเกินไป ทำให้ต้องเก็บเงินเพิ่มในภายหลัง การไม่คำนวณค่าใช้จ่ายสำรองไว้ การไม่สำรวจราคาตลาดก่อนกำหนดงงบประมาณ การไม่แจ้งรายละเอียดให้ผู้ปกครองทราบอย่างชัดเจน การใช้จ่ายเกินงบประมาณที่กำหนด และการขาดระบบการติดตามและควบคุมการใช้จ่าย ข้อผิดพลาดเหล่านี้สามารถป้องกันได้ด้วยการวางแผนที่รอบคอบและการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ
การพัฒนาและปรับปรุงระบบการคำนวณค่าบำรุงลูกเสือเนตรนารีควรทำอย่างต่อเนื่อง โดยการประเมินผลการดำเนินงานในแต่ละปี การรับฟังความคิดเห็นจากผู้ปกครอง นักเรียน และครูผู้สอน การศึกษาแนวปฏิบัติที่ดีจากโรงเรียนอื่นๆ การปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และการนำเทคโนโลยีมาช่วยในการบริหารจัดการ เช่น โปรแกรมคอมพิวเตอร์สำหรับคำนวณและติดตามการเงิน
การสร้างความเข้าใจและการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองในการคำนวณและการใช้ค่าบำรุงลูกเสือเนตรนารีเป็นสิ่งสำคัญ ควรจัดให้มีคณะกรรมการผู้ปกครองเข้ามามีส่วนร่วมในการวางแผนและตรวจสอบการใช้จ่าย การจัดให้มีการนำเสนอผลการดำเนินงานและการใช้จ่ายเป็นระยะ การเปิดโอกาสให้ผู้ปกครองเสนอแนะแนวทางการประหยัด และการสร้างช่องทางการสื่อสารที่เปิดกว้างและสะดวกสำหรับการสอบถามและให้ข้อมูล
ประโยชน์ของการมีระบบการคำนวณค่าบำรุงลูกเสือเนตรนารีที่ดีมีหลายประการ ได้แก่ การวางแผนงบประมาณที่แม่นยำ การใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ การสร้างความโปร่งใสและความไว้วางใจ การลดข้อร้องเรียนและความขัดแย้ง การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง การพัฒนาคุณภาพการจัดกิจกรรมลูกเสือ และการสร้างความยั่งยืนในการดำเนินงาน ทั้งหมดนี้จะส่งผลดีต่อการพัฒนานักเรียนและการสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบการศึกษา
การคำนวณค่าบำรุงลูกเสือเนตรนารีในอนาคตควรพิจารณาถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม เทคโนโลยี และความต้องการของสังคม การนำนวัตกรรมทางการศึกษามาใช้ในกิจกรรมลูกเสือ การปรับตัวให้สอดคล้องกับยุคดิจิทัล การพัฒนาทักษะศตวรรษที่ 21 ให้กับนักเรียน และการสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับองค์กรต่างๆ ในสังคม เพื่อให้การจัดกิจกรรมลูกเสือเนตรนารีตอบสนองต่อความต้องการของนักเรียนและสังคมได้อย่างแท้จริง
การติดตามและประเมินผลการใช้ค่าบำรุงลูกเสือเนตรนารีเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ควรมีการเก็บข้อมูลการใช้จ่ายอย่างเป็นระบบ การวิเคราะห์ประสิทธิภาพของการใช้จ่าย การสำรวจความพึงพอใจของนักเรียนและผู้ปกครอง การประเมินผลสัมฤทธิ์ของกิจกรรม และการจัดทำรายงานผลการดำเนินงานที่ครอบคลุมและสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการวางแผนปีต่อไป
สุดท้ายนี้ การคำนวณค่าบำรุงลูกเสือเนตรนารีของโรงเรียนอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาคุณภาพการจัดกิจกรรมลูกเสือ การสร้างความโปร่งใสในการบริหารจัดการ และการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย เมื่อมีระบบการคำนวณที่ดี จะส่งผลให้นักเรียนได้รับประโยชน์สูงสุดจากกิจกรรมลูกเสือเนตรนารี พัฒนาทักษะชีวิตที่จำเป็น และเติบโตเป็นพลเมืองดีของสังคมต่อไป การลงทุนในการพัฒนาระบบการคำนวณค่าบำรุงที่มีคุณภาพจึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าและจำเป็นสำหรับการศึกษาที่ยั่งยืน