วันเสาร์, ตุลาคม 18, 2025
spot_img
หน้าแรกดาวน์โหลดฟรีดาวน์โหลด แนวทางการจัดการศึกษาเรียนรวม สำหรับสถานศึกษา โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน

ดาวน์โหลด แนวทางการจัดการศึกษาเรียนรวม สำหรับสถานศึกษา โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน


สวัสดีเพื่อนๆ สมาชิก ครูต้นไผ่ดอทคอม ทุกท่านครับ วันนี้พบกับ ครูต้นไผ่ดอทคอม เช่นเคยครับ วันนี้แอดมินมีไฟล์มาแนะนำให้เพื่อนๆ สมาชิกได้ดาวน์โหลดไปใช้งาน เป็นไฟล์ แนวทางการจัดการศึกษาเรียนรวม สำหรับสถานศึกษา ซึ่งเพื่อนๆ สมาชิกสามารถดาวน์โหลดนำไปศึกษาและนำไปเป็นแนวทาง ในการเรียนรู้ตามแนวทางการจัดการศึกษาเรียนรวม สำหรับสถานศึกษา ตามบริบทของสถานศึกษา ได้ครับ แอดมินขอแนะนำไฟล์ แนวทางการจัดการศึกษาเรียนรวม สำหรับสถานศึกษา ตามรายละเอียดดังนี้ ครับ

ดาวน์โหลด แนวทางการจัดการศึกษาเรียนรวม สำหรับสถานศึกษา โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน


การจัดการศึกษาแบบเรียนรวม เส้นทางสู่ความเท่าเทียมทางการศึกษา

การศึกษาแบบเรียนรวมได้กลายเป็นประเด็นสำคัญในระบบการศึกษาไทยในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่สังคมให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมและการไม่แบ่งแยกในทุกด้าน การจัดการศึกษาเรียนรวมไม่ได้เป็นเพียงแค่การนำนักเรียนที่มีความต้องการพิเศษมาเรียนปนกับนักเรียนทั่วไป แต่เป็นปรัชญาการศึกษาที่มุ่งเน้นการสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่ตอบสนองความต้องการของนักเรียนทุกคน โดยไม่คำนึงถึงความแตกต่างทางด้านความสามารถ ภูมิหลัง หรือลักษณะเฉพาะตัว

แนวคิดการศึกษาเรียนรวมมีรากฐานมาจากหลักการสิทธิมนุษยชนที่ระบุว่า ทุกคนมีสิทธิ์ในการได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพอย่างเท่าเทียมกัน ในบริบทของประเทศไทย การดำเนินการด้านการศึกษาเรียนรวมยังคงเป็นความท้าทายที่สำคัญ เนื่องจากระบบการศึกษาแบบดั้งเดิมมักจะแยกนักเรียนที่มีความต้องการพิเศษออกไปเรียนในสถานศึกษาพิเศษ หรือห้องเรียนพิเศษแยกต่างหาก ซึ่งอาจทำให้เกิดการแบ่งแยกและจำกัดโอกาสในการพัฒนาศักยภาพของเด็กเหล่านี้

ความสำคัญของการศึกษาเรียนรวมในสถานศึกษาไทยสามารถมองได้หลากหลายมิติ ในมิติของนักเรียนที่มีความต้องการพิเศษ การได้เรียนรวมกับเพื่อนนักเรียนทั่วไปจะช่วยพัฒนาทักษะทางสังคม การสื่อสาร และความมั่นใจในตนเอง นอกจากนี้ยังได้รับการกระตุ้นจากสภาพแวดล้อมที่หลากหลายและท้าทาย ซึ่งจะช่วยพัฒนาศักยภาพของตนเองได้เต็มที่มากขึ้น สำหรับนักเรียนทั่วไป การเรียนร่วมกับเพื่อนที่มีความหลากหลายจะช่วยปลูกฝังทัศนคติที่ดี ความเข้าใจ และการยอมรับในความแตกต่าง ซึ่งเป็นคุณลักษณะสำคัญของพลเมืองในสังคมปัจจุบัน

ประโยชน์ของการศึกษาเรียนรวมไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในห้องเรียนเท่านั้น แต่ขยายไปสู่สังคมในวงกว้าง เมื่อเด็กทุกคนได้เรียนรู้และเติบโตไปพร้อมกัน พวกเขาจะกลายเป็นผู้ใหญ่ที่มีความเข้าใjและการยอมรับในความหลากหลาย ส่งผลให้เกิดสังคมที่มีความเป็นธรรมและไม่เลือกปฏิบัติมากขึ้น การศึกษาเรียนรวมยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในระยะยาวของระบบการศึกษา เนื่องจากไม่ต้องแยกสร้างสถานศึกษาพิเศษหรือระบบการศึกษาที่แยกออกจากกันอย่างสิ้นเชิง

การเตรียมความพร้อมของสถานศึกษาเป็นขั้นตอนแรกและสำคัญที่สุดในการจัดการศึกษาเรียนรวม ผู้บริหารสถานศึกษาต้องมีวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นที่ชัดเจนในการสนับสนุนการศึกษาเรียนรวม การสร้างนโยบายและแนวปฏิบัติที่เอื้อต่อการเรียนรวมต้องได้รับการพัฒนาอย่างเป็นระบบ โดยเริ่มจากการทบทวนนโยบายการรับนักเรียน การจัดหลักสูตร การประเมินผล และระบบสนับสนุนต่างๆ ให้สอดคล้องกับหลักการของการศึกษาเรียนรวม

การพัฒนาบุคลากรเป็นอีกประเด็นสำคัญที่สถานศึกษาต้องให้ความสำคัญ ครูผู้สอนต้องได้รับการอบรมและพัฒนาความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอนแบบเรียนรวม รวมถึงเทคนิคและวิธีการสอนที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการของนักเรียนที่แตกต่างกัน การทำงานเป็นทีมระหว่างครูประจำชั้น ครูการศึกษาพิเศษ นักจิตวิทยา และบุคลากรสนับสนุนอื่นๆ เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับความสำเร็จของโปรแกรมการศึกษาเรียนรวม

สภาพแวดล้อมทางกายภาพของสถานศึกษาต้องได้รับการปรับปรุงให้เอื้อต่อการใช้งานของนักเรียนทุกคน การจัดทำทางลาดสำหรับผู้ใช้รถเข็น การติดตั้งราวจับในห้องน้ำ การจัดโต๊ะเก้าอี้ที่สามารถปรับได้ การติดป้ายและสัญลักษณ์ที่เข้าใจง่าย รวมถึงการจัดพื้นที่เรียนรู้ที่ยืดหยุ่นและสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ เป็นตัวอย่างของการปรับสภาพแวดล้อมที่จำเป็น

การพัฒนาหลักสูตรสำหรับการศึกษาเรียนรวมต้องยึดหลักความยืดหยุ่นและการปรับตัว หลักสูตรหลักยังคงเป็นพื้นฐานสำคัญ แต่ต้องสามารถดัดแปลงและปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการและความสามารถของนักเรียนแต่ละคน การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลายและสามารถเข้าถึงได้ทุกระดับความสามารถเป็นสิ่งสำคัญ เช่น การใช้วิธีการสอนแบบหลายระดับ การจัดกิจกรรมกลุม่ที่ส่งเสริมการเรียนรู้ร่วมกัน และการใช้เทคโนโลยีช่วยในการเรียนรู้

การประเมินผลการเรียนรู้ในระบบการศึกษาเรียนรวมต้องมีความยืดหยุ่นและหลากหลาย การประเมินแบบดั้งเดิมที่เน้นการทดสอบเป็นหลักอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักเรียนบางกลุ่ม จึงจำเป็นต้องพัฒนาวิธีการประเมินทางเลือก เช่น การประเมินตามสภาพจริง การใช้ portfolios การประเมินแบบ peer assessment และการประเมินตนเอง รวมถึงการให้เวลาเพิ่มเติมหรือการปรับรูปแบบการทดสอบให้เหมาะสมกับความต้องการของนักเรียนแต่ละคน

การจัดทำแผนการศึกษาเฉพาะบุคคล (Individualized Education Program – IEP) เป็นเครื่องมือสำคัญในการจัดการศึกษาเรียนรวม แผนนี้ต้องระบุเป้าหมายการเรียนรู้ที่เฉพาะเจาะจงสำหรับนักเรียนแต่ละคน วิธีการสอนที่เหมาะสม การบริการสนับสนุนที่จำเป็น และเกณฑ์การประเมินผลที่เหมาะสม การทบทวนและปรับปรุงแผนอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้แน่ใจว่านักเรียนได้รับการศึกษาที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ

เทคนิคการสอนในการศึกษาเรียนรวมต้องมีความหลากหลายและยืดหยุ่น การใช้การสอนแบบ differentiated instruction เป็นแนวทางที่สำคัญ ซึ่งหมายถึงการปรับเนื้อหา กระบวนการเรียนรู้ และผลผลิตให้เหมาะสมกับความแตกต่างของนักเรียนแต่ละคน การใช้การสอนแบบ collaborative learning จะช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ร่วมกันและการพัฒนาทักษะทางสังคม การจัดกิจกรรมแบบ hands-on learning ที่เน้นการลงมือปฏิบัติจริงจะช่วยให้นักเรียนที่มีรูปแบบการเรียนรู้ที่แตกต่างกันสามารถเข้าใจเนื้อหาได้ดียิ่งขึ้น

การใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือสำคัญในการจัดการศึกษาเรียนรวม เทคโนโลยีช่วยพิเศษต่างๆ เช่น software สำหรับการอ่านข้อความ แอปพลิเคชันสำหรับการสื่อสาร อุปกรณ์ช่วยในการเขียน หรือเครื่องมือเสริมการเรียนรู้ สามารถช่วยให้นักเรียนที่มีความต้องการพิเศษเข้าถึงหลักสูตรและมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้ได้อย่างเต็มที่ การฝึกอบรมครูให้มีความรู้ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีเหล่านี้เป็นสิ่งจำเป็น

การจัดการพฤติกรรมในห้องเรียนแบบเรียนรวมต้องใช้แนวทางที่เน้นการป้องกันมากกว่าการลงโทษ การสร้างกฎและระเบียบที่ชัดเจน การสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและสนับสนุน การสอนทักษะทางสังคมและอารมณ์ และการใช้การเสริมแรงเชิงบวก เป็นกลยุทธ์ที่สำคัญ การทำความเข้าใจสาเหตุของพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมและการหาวิธีการตอบสนองที่เชิงสร้างสรรค์จะช่วยสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ที่ดีสำหรับนักเรียนทุกคน

บทบาทของผู้ปกครองในการสนับสนุนการศึกษาเรียนรวมมีความสำคัญอย่างยิ่ง ผู้ปกครองต้องเป็นพันธมิตรที่สำคัญของโรงเรียนในการวางแผนและดำเนินการศึกษาสำหรับบุตรหลานของตน การสื่อสารที่สม่ำเสมอระหว่างผู้ปกครองและครู การมีส่วนร่วมในการจัดทำแผนการศึกษาเฉพาะบุคคล และการสนับสนุนการเรียนรู้ที่บ้าน เป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จของโปรแกรมการศึกษาเรียนรวม

ผู้ปกครองของนักเรียนทั่วไปก็มีบทบาทสำคัญเช่นกัน การเสริมสร้างทัศนคติที่ดีต่อความแตกต่างและความหลากหลาย การสอนเด็กให้มีความเข้าใจและเห็นอกเห็นใจผู้อื่น และการสนับสนุนนโยบายการศึกษาเรียนรวมของโรงเรียน จะช่วยสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อความสำเร็จของโปรแกรมการศึกษาเรียนรวม การจัดกิจกรรมที่ให้ผู้ปกครองทั้งสองกลุ่มได้พบปะและแลกเปลี่ยนประสบการณ์จะช่วยสร้างชุมชนที่เข้มแข็งและสนับสนุนซึ่งกันและกัน

การสร้างเครือข่ายชุมชนในการสนับสนุนการศึกษาเรียนรวมเป็นอีกปัจจัยสำคัญ การมีส่วนร่วมของหน่วยงานราชการ องค์กรภาคเอกชน สถาบันการศึกษาในระดับอุดมศึกษา และองค์กรพัฒนาเอกชน จะช่วยสร้างระบบสนับสนุนที่ครอบคลุมและยั่งยืน การแบ่งปันทรัพยากร การใช้ความเชี่ยวชาญร่วมกัน และการสร้างความร่วมมือในการพัฒนาโปรแกรมการศึกษาเรียนรวม จะช่วยให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

การพัฒนาบุคลากรเป็นกุญแจสำคัญของความสำเร็จในการจัดการศึกษาเรียนรวม ครูต้องได้รับการฝึกอบรมอย่างเป็นระบบเกี่ยวกับหลักการและแนวปฏิบัติของการศึกษาเรียนรวม รวมถึงเทคนิคการสอนที่หลากหลาย การใช้เทคโนโลยีช่วยพิเศษ การประเมินผลแบบทางเลือก และการทำงานร่วมกับครูการศึกษาพิเศษและผู้เชี่ยวชาญด้านอื่นๆ การฝึกอบรมต้องเป็นไปอย่างต่อเนื่องและมีการติดตามผลเพื่อให้แน่ใจว่าครูสามารถนำความรู้ไปใช้ในการปฏิบัติจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การสร้างระบบการสนับสนุนสำหรับครูเป็นสิ่งจำเป็น การมี mentor หรือครูพี่เลี้ยงที่มีประสบการณ์ การจัดกลุ่มแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างครู การให้คำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ และการสร้างระบบการติดตามและประเมินผลที่สร้างสรรค์ จะช่วยให้ครูมีความมั่นใจและแรงจูงใจในการจัดการเรียนการสอนแบบเรียนรวม การลดภาระงานที่ไม่จำเป็นและการจัดสรรเวลาให้ครูได้วางแผนและเตรียมการสอนอย่างเพียงพอเป็นสิ่งสำคัญ

การพัฒนาความรู้ความเข้าใจของบุคลากรในด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาเรียนรวมต้องครอบคลุมหลายประเด็น เช่น ความรู้เกี่ยวกับความบกพร่องและความต้องการพิเศษประเภทต่างๆ หลักการการออกแบบสากลสำหรับการเรียนรู้ เทคนิคการสื่อสารที่หลากหลาย การจัดการพฤติกรรม และการทำงานร่วมกับครอบครัวและชุมชน การเข้าใจในวัฒนธรรมและบริบททางสังคมที่แตกต่างกันก็เป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากนักเรียนในห้องเรียนแบบเรียนรวมมักจะมาจากพื้นฐานที่หลากหลาย

การจัดการความหลากหลายในห้องเรียนแบบเรียนรวมต้องคำนึงถึงความแตกต่างในหลายมิติ ไม่เพียงแต่ความแตกต่างทางด้านความสามารถทางการเรียน แต่รวมถึงความแตกต่างทางวัฒนธรรม ภาษา สถานะทางเศรษฐกิจและสังคม และประสบการณ์ชีวิต การสร้างห้องเรียนที่เป็น multicultural และ inclusive environment จะช่วยให้นักเรียนทุกคนรู้สึกได้รับการยอมรับและมีคุณค่า การใช้วัสดุการเรียนการสอนที่สะท้อนความหลากหลายทางวัฒนธรรม การจัดกิจกรรมที่ให้นักเรียนได้แบ่งปันประสบการณ์และมรดกทางวัฒนธรรมของตนเอง และการสร้างโอกาสให้ครอบครัวจากพื้นฐานที่แตกต่างกันได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมโรงเรียน เป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพ

การจัดการกับนักเรียนที่มีความสามารถพิเศษหรือความเป็นเลิศในด้านใดด้านหนึ่งในห้องเรียนแบบเรียนรวมก็เป็นความท้าทายที่สำคัญ การสร้างความสมดุลระหว่างการให้ความช่วยเหลือแก่นักเรียนที่ต้องการการสนับสนุนเพิ่มเติมและการสร้างความท้าทายที่เหมาะสมสำหรับนักเรียนที่มีความสามารถสูง ต้องใช้ความชำนาญและการวางแผนอย่างดี การใช้กิจกรรมแบบ tiered assignments การจัดกลุ่มนักเรียนแบบยืดหยุ่น และการสร้างโครงงานหรือกิจกรรมการเรียนรู้ที่มีความลึกและความกว้างที่แตกต่างกัน จะช่วยตอบสนองความต้องการของนักเรียนทุกระดับความสามารถ

การสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ที่เอื้อต่อการยอมรับและเคารพในความแตกต่างเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง การสอนนักเรียนให้มีทักษะในการแก้ปัญหาความขัดแย้งอย่างสร้างสรรค์ การส่งเสริมการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และการสร้างระบบการสนับสนุนแบบ peer support จะช่วยสร้างชุมชนการเรียนรู้ที่เข้มแข็งและยั่งยืน การให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการกำหนดกฎระเบียบของห้องเรียน การแก้ไขปัญหาร่วมกัน และการประเมินผลการเรียนรู้ของตนเองและเพื่อนร่วมชั้น จะช่วยสร้างความรู้สึกเป็นเจ้าของและความรับผิดชอบร่วมกัน

แนวทางการจัดการศึกษาเรียนรวม สำหรับสถานศึกษา

แนวทางการจัดการศึกษาเรียนรวมสำหรับสถานศึกษาฉบับนี้ จัดทำขึ้นเพื่อให้สถานศึกษาได้นำได้นำไข้เป็นแนวทางปฏิบัติให้เป็นไปอย่างมีระบบและต่อเนื่อง เกิดความเข้มแข็งก่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลตามบริบทของแต่ละสถานศึกษา เกิดการเปลี่ยนแปลงการจัดการศึกษาเรียนรวมในสถานศึกษาและเพื่อให้ครูและบุคลากรที่เกี่ยวข้อง มีความรู้ ความเข้าใจ มีทักษะ และเจตคติที่ถูกต้องต่อการจัดการศึกษาเรียนรวมในทางที่ดีขึ้น ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของสังคม ตลอดจนสร้างขวัญกำลังใจความมั่นใจในการปฏิบัติงานของครูและบุคลากรทางการศึกษา ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อนักเรียนที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษในสถานศึกษาให้ได้รับการพัฒนาเต็มศักยภาพของแต่ละบุคคลได้อย่างมีคุณภาพ สามารถดำรงชีวิตและอยู่ร่วมในสังคมได้อย่างมีความสุข
หลักการและเหตุผล
การจัดการศึกษาเพื่อปวงชนชาวไทยจะต้องเป็นการจัดการศึกษาที่มีคุณภาพ เสมอภาค เท่าเทียมและทั่วถึง เพื่อเป็นการส่งเสริมให้มนุษย์มีการพัฒนาทุกช่วงอายุตลอดชีวิตซึ่งจะสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 4 ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคของบุคคลย่อมได้รับความคุ้มครอง ปวงชนชาวไทยย่อมได้รับความคุ้มครองตามรัฐธธธรรมญูเสมอกัน รวมทั้งมาตรา 27 บุคคลย่อมเสมอกันในกฎหมายมีสิทธิและเสร็ภาพ และได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายเท่าเทียมกันชายและหญิงมีสิทธิเท่าเทียมกัน การเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคล ไม่ว่าด้วยเหตุความแตกต่างในเรื่องถิ่นกำเนิด เชื้อชาติ ภาษา เพศ อายุ ความพิการ สภาพทางกายหรือสุขภาพ สถานะของบุคคลฐานะทางเศรษฐกิจหรือสังคมความเชื่อทางศาสนา การศึกษาอบรมหรือความคิดเห็นทางการเมืองอันไม่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือเหตุอื่นใด จะกระทำมิได้
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2562 มาตรา 10 กล่าวถึง การจัดการศึกษาต้องจัดให้บุคคลมีสิทธิและโอกาสเสมอกันในการรับการศึกษาขั้นพื้นฐานไม่น้อยกว่าสิบสองปีที่รัฐต้องจัดให้อย่างทั่วถึงและมีคุณภาพโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย การจัดการศึกษาสำหรับบุคคล ซึ่งมีความบกพร่องทางร่างกาย จิตใจ สติปัญญา อารมณ์ สังคม การสื่อสารและการเรียนรู้หรือมีร่างกายพิการหรือทุพพลภาพหรือบุคคลซึ่งไม่สามารถพึ่งตัวตัวเองได้ หรือไม่มีผู้ดูแล หรือด้อยโอกาส ต้องจัดให้บุคคลดังกล่าว มีสิทธิและโอกาสได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นพิเศษ การศึกษาสำหรับคนพิการให้จัดตั้งแต่แรกเกิดหรือพบความพิการโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และให้บุคคลดังกล่าวมีสิทธิได้รับสิ่งอำนวยความสะดวก สื่อบริการและความช่วยเหลืออื่นใดทางการศึกษา ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง
การจัดการศึกษาสำหรับนักเรียนที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษ ต้องจัดด้วยรูปแบบที่เหมาะสมโดยคำนึงถึงความสามารถของบุคคลนั้น สอดคล้องกับพระราชบัญญัติการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการพ.ศ. 2551 และหมวดที่ 1 สิทธิและหน้าที่ทางการศึกษา มาตรา 5 ระบุว่า คนพิการมีสิทธิทางการศึกษา ดังนี้ (1) ได้รับการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายตั้งแต่แรกเกิดหรือพบความพิการตลอดชีวิตพร้อมทั้งได้รับเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวก สื่อ บริการและความช่วยเหลืออื่นใดทางการศึกษา (2) เลือกบริการทางการศึกษา
สถานศึกษา ระบบและรูปแบบทางการศึกษา โดยคำนึงถึงความสามารถ ความสนใจ ความถนัดและความต้องการจำเป็นพิเศษ (3) ได้รับการศึกษาที่มีมาตรฐานและประกันคุณภาพการศึกษา รวมทั้งการจัดหลักสูตรกระบวนการเรียนรู้ การทดสอบทางการศึกษาที่เหมาะสม สอดคล้องกับความต้องการจำเป็นพิเศษของคนพิการแต่ละประเภทและบุคคล มาตรา 8 วรรค 5 ระบุว่า สถานศึกษาใดปฏิเสธไม่รับคนพิการเข้าศึกษาให้ถือเป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมตามกฎหมาย และในมาตรา 19 กำหนดให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามีหน้าที่ดำเนินการจัดการศึกษา โดยเฉพาะการจัดการศึกษาเรียนรวม และการนิเทศ กำกับติดตาม เพื่อให้คนพิการได้รับการศึกษาอย่างทั่วถึงและมีคุณภาพตามที่กฎหมายกำหนด
การดำเนินการจัดการศึกษาเรียนรวมในประเทศไทยดำเนินการมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง โดยมีรูปแบบที่หลากหลายตามสภาพของพื้นที่ และบริบทของสถานศึกษา ทั้งนี้ เพื่อศึกษาสภาพการดำเนินงาน ปัญหาและการจัดการศึกษาเรียนรวมในปัจจุบัน และนำผลการเสวนามาใช้ในการจัดทำแนวทางปฏิบัติงานเรียนรวมที่มีประสิทธิภาพ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน มอบหมายให้สำนักบริหารงานสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ สำนักงานคณะกะกรรมการการศึกษาชั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ

ตัวอย่างไฟล์ แนวทางการจัดการศึกษาเรียนรวม สำหรับสถานศึกษา


แนวทางการจัดการศึกษาเรียนรวม สำหรับสถานศึกษา
แนวทางการจัดการศึกษาเรียนรวม สำหรับสถานศึกษา

เอกสารเป็นไฟล์ PDF

ดาวน์โหลดไฟล์เอกสารจากลิงก์ด้านล่างนี้ นะครับ

ขอบคุณแหล่งที่มา : สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน

บทความที่เกี่ยวข้อง

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

ข่าวยอดนิยม

ความคิดเห็นล่าสุด