วันเสาร์, ตุลาคม 18, 2025
spot_img
หน้าแรกดาวน์โหลดฟรีแจกปกฟรี แก้ไขได้ ชุด หน้าปก แบบประเมิน SDQ ฉบับ ครู ผู้ปกครอง และนักเรียนประเมิน ไฟล์ Power...

แจกปกฟรี แก้ไขได้ ชุด หน้าปก แบบประเมิน SDQ ฉบับ ครู ผู้ปกครอง และนักเรียนประเมิน ไฟล์ Power Point แก้ไขได้ โดย สื่อการเรียนรู้ BY ครูเจน


สวัสดีเพื่อนๆ สมาชิก ครูต้นไผ่ดอทคอม ทุกท่านครับ วันนี้พบกับ ครูต้นไผ่ดอทคอม เช่นเคยครับ วันนี้แอดมินมีไฟล์มาแนะนำให้เพื่อนๆ สมาชิกได้ดาวน์โหลดไปใช้งาน เป็นไฟล์ หน้าปก แบบประเมิน SDQ ฉบับ ครู ผู้ปกครอง และนักเรียนประเมิน ซึ่งเพื่อนๆ สมาชิกสามารถดาวน์โหลดนำไปศึกษาและนำไปเป็นแนวทางในการจัดทำ หน้าปก แบบประเมิน SDQ ฉบับ ครู ผู้ปกครอง และนักเรียนประเมิน ตามบริบทของห้องเรียน ได้ครับ แอดมินขอแนะนำไฟล์ หน้าปก แบบประเมิน SDQ ฉบับ ครู ผู้ปกครอง และนักเรียนประเมิน ตามรายละเอียดดังนี้ ครับ

แจกปกฟรี แก้ไขได้ ชุด หน้าปก แบบประเมิน SDQ ฉบับ ครู ผู้ปกครอง และนักเรียนประเมิน ไฟล์ Power Point แก้ไขได้ โดย สื่อการเรียนรู้ BY ครูเจน


แบบประเมิน SDQ ฉบับครู ผู้ปกครอง และนักเรียนประเมิน เครื่องมือสำคัญในการดูแลพัฒนาการเด็กและวัยรุ่นไทย

แบบประเมิน SDQ หรือ Strengths and Difficulties Questionnaire เป็นเครื่องมือประเมินพฤติกรรมและอารมณ์ของเด็กและวัยรุ่นที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล พัฒนาขึ้นโดย Professor Robert Goodman จากสถาบัน Institute of Psychiatry King’s College London ในปี ค ศ 1997 โดยมีจุดประสงค์เพื่อใช้เป็นเครื่องมือคัดกรองและประเมินปัญหาด้านจิตสังคมของเด็กและวัยรุ่นอายุ 3-16 ปี

ในประเทศไทย แบบประเมิน SDQ ได้รับการแปลและปรับใช้อย่างแพร่หลายในสถานศึกษา โรงพยาบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเด็กและวัยรุ่น เนื่องจากมีความสั้นกะทัดรัด ใช้งานง่าย และให้ข้อมูลที่มีประโยชน์สำหรับการวางแผนการช่วยเหลือและพัฒนาเด็ก

แบบประเมิน SDQ ประกอบด้วย 25 ข้อคำถามที่ครอบคลุมพฤติกรรมและอารมณ์ของเด็ก แบ่งออกเป็น 5 มิติหลัก ได้แก่ ปัญหาด้านอารมณ์ ปัญหาด้านพฤติกรรม ภาวะสมาธิสั้นและความอยู่ไม่นิ่ง ปัญหาในการเข้าสังคม และพฤติกรรมการช่วยเหลือผู้อื่น โดยแต่ละมิติจะมีคำถาม 5 ข้อ ซึ่งผู้ประเมินจะให้คะแนนตั้งแต่ 0-2 คะแนน ตามระดับความถี่ของพฤติกรรมที่เกิดขึ้น

ความสำคัญของแบบประเมิน SDQ ในบริบทการศึกษาไทยนั้นไม่สามารถมองข้ามได้ เนื่องจากช่วยให้ครู ผู้ปกครอง และนักเรียนเองสามารถประเมินและติดตามพัฒนาการทางจิตใจและพฤติกรรมได้อย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคปัจจุบันที่เด็กและวัยรุ่นต้องเผชิญกับความเครียดและความท้าทายมากมายจากการเปลี่ยนแปลงของสังคมและเทคโนโลยี

การใช้แบบประเมิน SDQ ในสถานศึกษาไทยจะช่วยให้ครูและผู้บริหารสถานศึกษาสามารถระบุนักเรียนที่อาจต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ และวางแผนการให้การสนับสนุนที่เหมาะสม นอกจากนี้ยังช่วยให้ผู้ปกครองเข้าใจพฤติกรรมและความต้องการของบุตรหลานได้ดีขึ้น และสามารถร่วมมือกับโรงเรียนในการพัฒนาเด็กอย่างมีประสิทธิภาพ

แบบประเมิน SDQ มีหลายเวอร์ชันที่แตกต่างกันตามผู้ประเมิน ได้แก่ ฉบับครูประเมิน ฉบับผู้ปกครองประเมิน และฉบับนักเรียนประเมินตนเอง แต่ละฉบับจะมีข้อคำถามที่เหมือนกันในเนื้อหาหลัก แต่จะปรับภาษาและรูปแบบให้เหมาะสมกับผู้ประเมินแต่ละกลุ่ม

ฉบับครูประเมินจะใช้ภาษาที่เหมาะสมสำหรับครูที่มีประสบการณ์ในการสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในห้องเรียนและสถานศึกษา ครูสามารถประเมินนักเรียนได้จากการสังเกตพฤติกรรมในชีวิตประจำวันที่โรงเรียน การทำงานกลุ่ม การเรียนในห้องเรียน และกิจกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสถานศึกษา

ฉบับผู้ปกครองประเมินจะใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย เหมาะสมสำหรับผู้ปกครองที่มีพื้นฐานการศึกษาที่หลากหลาย โดยเน้นการสังเกตพฤติกรรมของบุตรหลานในสภาพแวดล้อมบ้านและชุมชน ผู้ปกครองสามารถประเมินได้จากการสังเกตพฤติกรรมในชีวิتประจำวัน การเล่นกับเพื่อน การทำกิจกรรมครอบครัว และปฏิสัมพันธ์กับสมาชิกในครอบครัว

ฉบับนักเรียนประเมินตนเองจะเหมาะสำหรับนักเรียนวัยรุ่นที่สามารถเข้าใจและประเมินตนเองได้ มักใช้กับนักเรียนอายุ 11-16 ปี โดยจะใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย และมีตัวอย่างที่ชัดเจน เพื่อให้นักเรียนสามารถประเมินความรู้สึก ความคิด และพฤติกรรมของตนเองได้อย่างแม่นยำ

การประเมินพฤติกรรมด้านอารมณ์ในแบบประเมิน SDQ จะครอบคลุมอาการของภาวะซึมเศร้า ความวิตกกังวล ความกลัว และความรู้สึกไม่มีความสุข ซึ่งเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในเด็กและวัยรุ่นไทย โดยเฉพาะในยุคที่มีการแข่งขันทางการศึกษาสูง และมีความกดดันจากสังคมมากมาย

คำถามในด้านนี้จะสอบถามเกี่ยวกับความรู้สึกเศร้า การกลัวสิ่งใหม่ๆ การมีความกังวลมาก การมีอาการปวดศีรษะ ปวดท้อง หรืออาเจียนเมื่อมีปัญหา และการติดแม่หรือผู้ใหญ่มาก เป็นต้น การประเมินในด้านนี้จะช่วยให้ผู้ใหญ่สามารถระบุเด็กที่อาจมีปัญหาด้านอารมณ์และต้องการความช่วยเหลือ

การประเมินพฤติกรรมด้านความประพฤติจะมุ่งเน้นไปที่พฤติกรรมก้าวร้าว การแสดงความโกรธ การไม่เชื่อฟังกฎเกณฑ์ และการทำร้ายผู้อื่น ซึ่งเป็นปัญหาที่สำคัญในสถานศึกษาไทยและครอบครัว โดยเฉพาะในยุคที่เด็กได้รับอิทธิพลจากสื่อและสิ่งแวดล้อมที่หลากหลาย

คำถามในด้านนี้จะสอบถามเกี่ยวกับการมีอารมณ์ร้อนแรง การทะเลาะกับเด็กคนอื่น การไม่เชื่อฟังผู้ใหญ่ การไม่ยอมทำตามกฎ และการโกหก หรือการโกงบ่อยๆ การประเมินในด้านนี้จะช่วยให้สามารถระบุเด็กที่มีปัญหาด้านพฤติกรรมและต้องการการแก้ไขพฤติกรรมที่เหมาะสม

การประเมินภาวะสมาธิสั้นและความอยู่ไม่นิ่งเป็นส่วนสำคัญของแบบประเมิน SDQ เนื่องจากปัญหานี้พบได้บ่อยในเด็กไทยและส่งผลกระทบต่อการเรียนรู้และการพัฒนาอย่างมาก โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่เน้นการนั่งฟังในห้องเรียนเป็นเวลานาน

คำถามในด้านนี้จะสอบถามเกี่ยวกับการนั่งไม่นิ่ง การเคลื่อนไหวหรือกระสับกระส่ายอยู่เสมอ ความสามารถในการจดจ่อสมาธิ การทำสิ่งต่างๆ โดยไม่คิดก่อน และการทำงานให้เสร็จสิ้น การประเมินด้านนี้จะช่วยให้ครูและผู้ปกครองสามารถปรับวิธีการเรียนการสอนและการดูแลให้เหมาะสมกับความต้องการของเด็ก

การประเมินปัญหาในการเข้าสังคมจะมุ่งเน้นไปที่ความสามารถในการสร้างและรักษาความสัมพันธ์กับผู้อื่น การมีเพื่อน การยอมรับจากเพื่อน และพฤติกรรมทางสังคมที่เหมาะสม ซึ่งเป็นทักษะสำคัญสำหรับการใช้ชีวิตในสังคมไทยที่เน้นความสัมพันธ์และการอยู่ร่วมกัน

คำถามในด้านนี้จะสอบถามเกี่ยวกับการเล่นคนเดียว การมีเพื่อนสนิท การได้รับการยอมรับจากเด็คนอื่น การถูกล้อเลียนหรือถูกรังแก และพฤติกรรมการเข้าสังคม การประเมินด้านนี้จะช่วยให้สามารถระบุเด็กที่อาจมีปัญหาในการปรับตัวทางสังคมและต้องการการช่วยเหลือในการพัฒนาทักษะทางสังคม

การประเมินพฤติกรรมการช่วยเหลือผู้อื่นเป็นจุดเด่นของแบบประเมิน SDQ ที่แตกต่างจากเครื่องมือประเมินอื่นๆ ที่มักจะมุ่งเน้นเฉพาะปัญหาและความผิดปกติ โดยส่วนนี้จะประเมินด้านบวกของเด็กที่แสดงถึงความเมตตา ความเห็นอกเห็นใจ และความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ซึ่งเป็นคุณธรรมที่สำคัญในสังคมไทย

คำถามในด้านนี้จะสอบถามเกี่ยวกับการช่วยเหลือเด็กที่เจ็บ หรือเศร้า การแบ่งปันของเล่นหรือของกิน การใจดีกับเด็กเล็ก การเสียสละเพื่อผู้อื่น และการดูแลความรู้สึกของผู้อื่น การประเมินด้านนี้จะช่วยให้สามารถระบุและส่งเสริมจุดแข็งของเด็กในด้านคุณธรรมและจริยธรรม

วิธีการใช้แบบประเมิน SDQ ในสถานศึกษาไทยควรเริ่มต้นจากการอบรมและให้ความรู้แก่ครูและบุคลากรที่จะใช้เครื่องมือนี้ เพื่อให้เข้าใจวัตถุประสงค์ วิธีการประเมิน และการตีความผล โดยควรมีการฝึกปฏิบัติและการสอบเทียบความเข้าใจร่วมกัน

การประเมินควรทำอย่างสม่ำเสมอ เช่น ปีละ 2-3 ครั้ง เพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการของเด็ก โดยควรบันทึกผลการประเมินอย่างเป็นระบบ และใช้ข้อมูลในการวางแผนการช่วยเหลือและพัฒนาที่เหมาะสมกับความต้องการของเด็กแต่ละคน

การใช้แบบประเมิน SDQ ในครอบครัวไทยต้องอาศัยความร่วมมือจากผู้ปกครอง โดยควรมีการให้ความรู้และคำแนะนำแก่ผู้ปกครองเกี่ยวกับวิธีการสังเกตพฤติกรรมบุตรหลาน และการประเมินอย่างถูกต้อง ผู้ปกครองควรทำการประเมินในช่วงเวลาที่มีการสังเกตพฤติกรรมของบุตรหลานอย่างเพียงพอ

ควรหลีกเลี่ยงการประเมินในช่วงที่เด็กมีความเครียดพิเศษ เช่น ช่วงสอบ หรือมีเหตุการณ์พิเศษในครอบครัว เพื่อให้ได้ข้อมูลที่สะท้อนสภาพจริงของเด็กในสถานการณ์ปกติ ผู้ปกครองควรจดบันทึกพฤติกรรมที่สำคัญเพื่อประกอบการประเมิน

การใช้แบบประเมิน SDQ ฉบับนักเรียนประเมินตนเองต้องมีการเตรียมความพร้อมของนักเรียน โดยอธิบายวัตถุประสงค์และความสำคัญของการประเมิน เพื่อให้นักเรียนเข้าใจและให้ความร่วมมืออย่างจริงใจ ควรสร้างบรรยากาศที่ปลอดภัยและไม่มีการตัดสิน

นักเรียนควรได้รับการรับรองว่าข้อมูลจะถูกเก็บเป็นความลับและใช้เพื่อประโยชน์ในการช่วยเหลือเท่านั้น ครูหรือผู้ดูแลควรคอยให้คำแนะนำและช่วยเหลือหากนักเรียนมีข้อสงสัยในการตอบคำถาม โดยไม่ชี้นำหรือแนะนำคำตอบ

การตีความผลแบบประเมิน SDQ ต้องอาศัยความรู้และประสบการณ์ในการทำงานกับเด็กและวัยรุ่น โดยคะแนนที่ได้จากการประเมินจะแบ่งออกเป็นช่วงคะแนน ปกติ เสี่ยง และผิดปกติ ตามเกณฑ์ที่กำหนด แต่ควรใช้ร่วมกับข้อมูลอื่นๆ เพื่อให้ได้ภาพรวมที่สมบูรณ์

ผลคะแนนที่อยู่ในเกณฑ์ปกติไม่ได้หมายความว่าเด็กไม่ต้องการความช่วยเหลือ และผลคะแนนที่อยู่ในเกณฑ์เสี่ยงหรือผิดปกติก็ไม่ได้หมายความว่าเด็กมีปัญหาทางจิตแน่นอน การตีความผลต้องพิจารณาบริบทของสิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม และปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

ข้อดีของการใช้แบบประเมิน SDQ ในบริบทไทยมีมากมาย ได้แก่ ความสั้นกะทัดรัดทำให้ใช้เวลาไม่มาก เหมาะสมกับสภาพการทำงานของครูและบุคลากรในสถานศึกษาไทยที่มีภาระงานมาก การมีหลายฉบับทำให้สามารถเปรียบเทียบมุมมองของผู้ประเมินที่แตกต่างกันได้

ความครอบคลุมของเนื้อหาทำให้สามารถประเมินพฤติกรรมและอารมณ์ในมิติต่างๆ ได้อย่างรอบด้าน การมีการประเมินจุดแข็งด้วยทำให้ไม่เน้นแต่เฉพาะปัญหา และสามารถใช้เป็นข้อมูลในการส่งเสริมและพัฒนาเด็ก ความเป็นสากลทำให้สามารถเปรียบเทียบกับมาตรฐานสากลได้

ข้อจำกัดของแบบประเมิน SDQ ที่ควรระวังในการใช้งาน ได้แก่ การที่เป็นเพียงเครื่องมือคัดกรองเบื้องต้น ไม่ใช่การวินิจฉัยทางการแพทย์ การตีความผลต้องอาศัยความรู้และประสบการณ์ ความแม่นยำขึ้นอยู่กับความซื่อสัตย์และความเข้าใจของผู้ประเมิน

ปัจจัยทางวัฒนธรรมอาจส่งผลต่อการตีความพฤติกรรมบางอย่าง เช่น การเชื่อฟังผู้ใหญ่ การแสดงความคิดเห็น หรือการแสดงอารมณ์ ซึ่งมีความแตกต่างระหว่างวัฒนธรรมตะวันตกและวัฒนธรรมไทย การใช้ผลการประเมินต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดการตีตราหรือแบ่งแยกเด็ก

แนวทางการปรับปรุงการใช้แบบประเมิน SDQ ในประเทศไทยควรเริ่มจากการพัฒนาเกณฑ์มาตรฐานที่เหมาะสมกับเด็กไทย โดยการเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างที่หลากหลายและเป็นตัวแทนของประชากรเด็กไทยในแต่ละภูมิภาค การอบรมบุคลากรให้มีความรู้ความเข้าใจในการใช้เครื่องมือนี้อย่างถูกต้อง

การพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อบันทึกและติดตามผลการประเมิน การสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างสถานศึกษา ครอบครัว และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการใช้ข้อมูลจากการประเมิน และการวิจัยเพื่อพัฒนาและปรับปรุงเครื่องมือให้มีความเหมาะสมกับบริบทไทยมากยิ่งขึ้น

การประยุกต์ใช้แบบประเมิน SDQ ในการพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนในสถานศึกษาไทยสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การใช้เป็นเครื่องมือในการคัดกรองนักเรียนที่ต้องการความช่วยเหลือพิเศษ การวางแผนโปรแกรมป้องกันและส่งเสริมสุขภาพจิตในโรงเรียน

การพัฒนาแผนการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับความต้องการของนักเรียนแต่ละคน การประเมินประสิทธิภาพของโปรแกรมและกิจกรรมต่างๆ ที่จัดขึ้นในโรงเรียน และการสร้างระบบส่งต่อและการประสานงานกับหน่วยงานภายนอกที่เกี่ยวข้อง

การใช้แบบประเมิน SDQ ในการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างโรงเรียนกับผู้ปกครองสามารถช่วยสร้างความเข้าใจที่ตรงกันเกี่ยวกับสภาพและความต้องการของเด็ก ผู้ปกครองจะได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการดูแลบุตรหลานที่บ้าน และสามารถร่วมมือกับโรงเรียนในการวางแผนและดำเนินการช่วยเหลือ

แบบประเมิน SDQ

แบบประเมิน SDQ คืออะไร?

แบบประเมินจุดแข็งและจุดอ่อน ชื่อภาษาอังกฤษ คือ The Strengths and Difficulties Questionnaire : SDQ พัฒนาโดย Robert Goodman จิตแพทย์เด็กชาวอังกฤษ

แบบประเมินจุดแข็ง จุดอ่อน มี 3 ชุด ได้แก่
1.แบบประเมินสำหรับนักเรียนประเมินตัวเอง (self-rated)
2.แบบประเมินสำหรับครูเป็นผู้ประเมินนักเรียน (teacher)
3.แบบประเมินสำหรับผู้ปกครองเป็นผู้ประเมินนักเรียน (parent)

ข้อแนะนำในการใช้แบบประเมิน

 1.ผู้ใช้แบบประเมิน ควรรู้จักเด็ก และมีความใกล้ชิดกับเด็กมาระยะเวลาหนึ่ง
 2.ควรประเมินทั้ง 25 ข้อ ในครั้งเดียวกัน
 3.การประเมินพฤติกรรมเด็ก เป็นการประเมินลักษณะพฤติกรรมในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา
 4.อาจเลือกใช้แบบประเมินพฤติกรรมเด็กฉบับของครู พ่อแม่ หรือแบบประเมินตนเอง หรือใช้ร่วมกัน ซึ่งควรเป็นระยะเวลาที่ใกล้เคียงกัน

ข้อดีของการใช้แบบประเมิน

1. ในการพัฒนา IQ หากทราบจุดแข็งของเด็ก จะทำให้สามารถดึงศักยภาพที่เด็กมี ออกมาใช้ได้เต็มที่มากขึ้น และทำให้ง่ายต่อการวางแผนการช่วยเหลือเด็ก

2. ในการช่วยเหลือเด็กกลุ่มเสี่ยง 4 โรค จะทำให้ทราบเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัญหาด้านพฤติกรรม อารมณ์ส่งผลกระทบต่อตัวเด็ก คนรอบข้างอย่างไร และเด็กมีจุดแข็งด้านใด ซึ่งจะทำให้วางแผนช่วยเหลือได้ตรงจุด

ลักษณะของแบบประเมิน (SDQ)

ส่วนที่ 1 เป็นลักษณะพฤติกรรมจำนวน 25 ข้อ ซึ่งมีลักษณะของพฤติกรรมด้านบวกและด้านลบ สามารถจัดเป็นกลุ่มพฤติกรรม 5 กลุ่ม ได้แก่
1.พฤติกรรมเกเร (Conduct problems)
2.พฤติกรรมอยู่ไม่นิ่ง (Hyperactivity)
3.ปัญหาทางอารมณ์ (Emotional problems)
4.ปัญหาความสัมพันธ์กับเพื่อน (Peer problems)
5. พฤติกรรมสัมพันธภาพทางสังคม(Pro-social behavior)

ส่วนที่ 2 ในด้านหลังของแบบประเมิน เป็นการประเมินผลกระทบของพฤติกรรมว่ามีความเรื้อรัง ส่งผลกระทบต่อบุคคลรอบข้างตัวเด็กเอง มีผลกระทบต่อสัมพันธภาพทางสังคม ชีวิตประจำวันของเด็กมากน้อยอย่างไร

ตัวอย่างไฟล์ แบบประเมิน SDQ


หน้าปก แบบประเมิน SDQ ฉบับ ครู ผู้ปกครอง และนักเรียนประเมิน

เอกสารเป็นไฟล์ Power Point แก้ไขได้

ดาวน์โหลดไฟล์เอกสารจากลิงก์ด้านล่างนี้ นะครับ

ขอบคุณแหล่งที่มา : สื่อการเรียนรู้ BY ครูเจน

บทความที่เกี่ยวข้อง

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

ข่าวยอดนิยม

ความคิดเห็นล่าสุด