สวัสดีเพื่อนๆ สมาชิก ครูต้นไผ่ดอทคอม ทุกท่านครับ วันนี้พบกับ ครูต้นไผ่ดอทคอม เช่นเคยครับ วันนี้แอดมินมีไฟล์มาแนะนำให้เพื่อนๆ สมาชิกได้ดาวน์โหลดไปใช้งาน เป็นไฟล์ เผยแพร่ผลงานวิชาการ การพัฒนาทักษะการอ่านการเขียนบทร้อยกรองโดยใช้ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นเป็นฐานการเรียนรู้ตามรูปแบบ KRAWE Model (กวีโมเดล) ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 ซึ่งเพื่อนๆ สมาชิกสามารถดาวน์โหลดนำไปศึกษาและนำไปเป็นแนวทางในการจัดทำ ชุดกิจกรรม การพัฒนาทักษะการอ่านการเขียนบทร้อยกรองโดยใช้ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นเป็นฐานการเรียนรู้ตามรูปแบบ กวีโมเดล ได้ครับ แอดมินขอแนะนำไฟล์ เผยแพร่ผลงานวิชาการ การพัฒนาทักษะการอ่านการเขียนบทร้อยกรองโดยใช้ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นเป็นฐานการเรียนรู้ตามรูปแบบ KRAWE Model (กวีโมเดล) ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 ตามรายละเอียดดังนี้ ครับ
เผยแพร่ผลงานวิชาการ เพื่อเข้ารับการสรรหารางวัลทรงคุณค่า “เสมาเพชรดอกแก้ว”(SKW1 Pride Awards 2024) ประจำปี พ.ศ. 2567 สาขานวัตกรรมการจัดการศึกษา ประเภท ครูผู้สอน ด้านกระบวนการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญภาษาไทย การพัฒนาทักษะการอ่านการเขียนบทร้อยกรองโดยใช้ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นเป็นฐานการเรียนรู้ตามรูปแบบ KRAWE Model (กวีโมเดล) ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 โดย คุณครูศิรประภา จิตรศิลป์

นวัตกรรมการศึกษาไทยสู่การพัฒนาทักษะภาษาไทยด้วย KRAWE Model และประวัติศาสตร์ท้องถิ่น
การศึกษาไทยในศตวรรษที่ 21 กำลังเผชิญกับความท้าทายใหม่ที่ต้องการการปรับเปลี่ยนวิธีการจัดการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับยุคดิจิทัล แต่ยังคงรักษาเอกลักษณ์และวัฒนธรรมไทยไว้ในใจกลางของกระบวนการศึกษา การได้รับการสรรหารางวัลทรงคุณค่า “เสมาเพชรดอกแก้ว” หรือ SKW1 Pride Awards 2024 ประจำปี พ.ศ. 2567 สาขานวัตกรรมการจัดการศึกษา ประเภทครูผู้สอน ด้านกระบวนการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ถือเป็นเกียรติอันสูงสุดที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการยกระดับคุณภาพการศึกษาไทย
ทักษะการอ่านและการเขียนเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะส่งผลต่อการพัฒนาทักษะการเรียนรู้ของนักเรียนในทุกวิชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเขียนบทร้อยกรองซึ่งเป็นศิลปะการใช้ภาษาไทยในระดับสูง ที่ต้องการความเข้าใจเชิงลึกทั้งในด้านไวยากรณ์ ความหมาย และจังหวะของภาษา การพัฒนาทักษะเหล่านี้ให้กับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 จึงต้องการวิธีการที่สร้างสรรค์และน่าสนใจ
KRAWE Model หรือ “กวีโมเดล” เป็นนวัตกรรมทางการศึกษาที่ออกแบบมาเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนบทร้อยกรองอย่างเป็นระบบ โดยใช้ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นเป็นฐานการเรียนรู้ รูปแบบนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้นักเรียนเรียนรู้ทักษะภาษาไทย แต่ยังช่วยสร้างความเชื่อมโยงกับชุมชนและมรดกทางวัฒนธรรมของตนเอง
หลักการสำคัญของ KRAWE Model เริ่มต้นจากการสร้างความรู้ความเข้าใจ (Knowledge) เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ท้องถิ่นที่นักเรียนสามารถสัมผัสและเชื่อมโยงได้ การอ่านและค้นคว้า (Reading) ข้อมูลจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ทั้งหนังสือ บทสัมภาษณ์ผู้รู้ในชุมชน และสื่อดิจิทัล การวิเคราะห์ (Analyzing) ข้อมูลที่ได้มาเพื่อหาประเด็นที่น่าสนใจและมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ การเขียน (Writing) บทร้อยกรองที่สื่อสารเรื่องราวทางประวัติศาสตร์อย่างสร้างสรรค์ และการประเมิน (Evaluating) ผลงานของตนเองและเพื่อนร่วมชั้นเพื่อการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นเป็นสมบัติทางปัญญาที่มีความหมายลึกซึ้งต่อชุมชน เมื่อนำมาใช้เป็นฐานการเรียนรู้จะช่วยให้นักเรียนเห็นคุณค่าและความสำคัญของมรดกทางวัฒนธรรมในท้องถิ่นของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของบุคคลสำคัญ เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ สถานที่สำคัญ ประเพณีและวิถีชีวิต หรือภูมิปัญญาท้องถิ่น การเรียนรู้จากประวัติศาสตร์เหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นการสืบทอดความรู้ แต่ยังช่วยสร้างความภาคภูมิใจและความรับผิดชอบต่อชุมชนของตนเอง
กระบวนการเริ่มต้นของ KRAWE Model เริ่มจากการสำรวจและรวบรวมข้อมูลประวัติศาสตร์ท้องถิ่น ครูผู้สอนจะร่วมมือกับชุมชน ผู้สูงอายุ นักวิชาการท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อรวบรวมเรื่องราวที่มีความน่าสนใจและเหมาะสมกับวัยของนักเรียน ข้อมูลเหล่านี้จะถูกจัดระบบและนำเสนอในรูปแบบที่เข้าใจง่าย มีภาพประกอบ และสร้างความสนใจให้กับนักเรียน
การอ่านในระบบ KRAWE Model ไม่ใช่การอ่านแบบเรียบเรียง แต่เป็นการอ่านเชิงวิเคราะห์ที่ต้องการให้นักเรียนเข้าใจเนื้อหา สามารถตั้งคำถาม และเชื่อมโยงความรู้ใหม่กับความรู้เดิม กิจกรรมการอ่านจะประกอบด้วยการอ่านข้อมูลพื้นฐาน การอ่านเพื่อค้นหาข้อมูลเฉพาะ การอ่านเพื่อเปรียบเทียบ และการอ่านเพื่อประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูล นักเรียนจะได้เรียนรู้การใช้เครื่องมือการอ่านที่หลากหลาย ตั้งแต่การจดบันทึก การสร้างแผนที่ความคิด ไปจนถึงการสร้างคำถามเพื่อนำไปสู่การเรียนรู้ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
ขั้นตอนการวิเคราะห์เป็นหัวใจสำคัญของ KRAWE Model ที่ช่วยพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ของนักเรียน ในขั้นตอนนี้นักเรียนจะเรียนรู้การแยกแยะข้อเท็จจริงกับความคิดเห็น การหาความสัมพันธ์เชื่อมโยงระหว่างเหตุการณ์ต่างๆ การจัดลำดับความสำคัญของข้อมูล และการสร้างข้อสรุปจากข้อมูลที่วิเคราะห์ได้ กิจกรรมในขั้นตอนนี้อาจรวมถึงการสร้างเส้นเวลาประวัติศาสตร์ การจัดทำแผนที่เชิงประวัติศาสตร์ การเปรียบเทียบเหตุการณ์ในอดีตกับปัจจุบัน หรือการวิเคราะห์ผลกระทบของเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ต่อชุมชนในปัจจุบัน
การเขียนบทร้อยกรองเป็นจุดหมายปลายทางของ KRAWE Model ที่ต้องการให้นักเรียนสามารถนำความรู้ที่ได้จากการอ่านและการวิเคราะห์มาถ่องแท้ผ่านการใช้ภาษาไทยในรูปแบบของบทร้อยกรอง การเขียนบทร้อยกรองต้องการทักษะหลายด้าน ทั้งความเข้าใจในเรื่องราว ความสามารถในการใช้ภาษา การจัดจังหวะและสัมผัส และความคิดสร้างสรรค์ในการนำเสนอ กระบวนการเขียนจะเริ่มจากการร่างแนวคิดหลัก การเลือกรูปแบบของบทร้อยกรอง การเขียนร่างแรก การปรับปรุงแก้ไข และการสร้างสรรค์ผลงานขั้นสุดท้าย
ระบบการประเมินใน KRAWE Model เป็นการประเมินแบบพหุมิติที่ไม่เพียงแต่ดูผลงานสุดท้าย แต่ยังประเมินกระบวนการเรียนรู้ตลอดทั้งโครงการ การประเมินจะครอบคลุมทั้งการประเมินตนเอง การประเมินเพื่อน และการประเมินโดยครู เครื่องมือการประเมินจะรวมถึงการใช้ rubric ที่ชัดเจน การสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ การตรวจสอบพอร์ตโฟลิโอ และการนำเสนอผลงานต่อชุมชน กระบวนการประเมินนี้ช่วยให้นักเรียนเรียนรู้การสะท้อนคิดและพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง
ผลลัพธ์จากการใช้ KRAWE Model ที่สามารถสังเกตได้อย่างชัดเจนคือการพัฒนาทักษะการอ่านของนักเรียน ซึ่งไม่เพียงแต่อ่านได้ แต่สามารถอ่านเพื่อความเข้าใจ อ่านเพื่อวิเคราะห์ และอ่านเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ นักเรียนจะมีความสามารถในการค้นหาข้อมูล การประเมินความน่าเชื่อถือของแหล่งข้อมูล และการสังเคราะห์ข้อมูลจากหลายแหล่ง ทักษะเหล่านี้เป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการเรียนรู้ตลอดชีวิตในยุคข้อมูลข่าวสารที่มีปริมาณมหาศาล
ด้านทักษะการเขียน นักเรียนที่ผ่านกระบวนการเรียนรู้ด้วย KRAWE Model จะมีความสามารถในการเขียนที่หลากหลายและมีคุณภาพสูงขึ้น การเขียนบทร้อยกรองช่วยพัฒนาความอ่อนไหวต่อภาษา ความคิดสร้างสรรค์ และความสามารถในการถ่ายทอดความรู้สึกและแนวคิดผ่านคำพูด นักเรียนจะเรียนรู้การใช้ภาษาไทยในระดับที่สูงขึ้น ทั้งในด้านคำศัพท์ สำนวน และโครงสร้างประโยคที่ซับซ้อน
การเชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์ท้องถิ่นช่วยสร้างความภาคภูมิใจและความรู้สึกเป็นเจ้าของต่อชุมชนของนักเรียน พวกเขาจะเข้าใจว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน มีบทบาทในการสืบทอดและพัฒนาวัฒนธรรมท้องถิ่นต่อไป ความรู้สึกนี้จะส่งผลให้เกิดความรับผิดชอบต่อส่วนรวม ความใส่ใจต่อปัญหาของชุมชน และแรงจูงใจในการเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ไขปัญหาและการพัฒนา
ความท้าทายในการนำ KRAWE Model ไปใช้ในห้องเรียนมีหลายด้าน ครูผู้สอนต้องมีความรู้ความเข้าใจทั้งในด้านการสอนภาษาไทย ประวัติศาสตร์ท้องถิ่น และเทคนิคการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ การเตรียมสื่อการสอนและกิจกรรมที่หลากหลายต้องใช้เวลาและความพยายามสูง โดยเฉพาะการประสานงานกับชุมชนเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องและน่าเชื่อถือ
การแก้ไขปัญหาเหล่านี้ต้องการการสนับสนุนจากหลายฝ่าย โรงเรียนควรจัดหาอุปกรณ์และสื่อการเรียนการสอนที่เหมาะสม จัดอบรมพัฒนาครูให้มีความรู้และทักษะที่จำเป็น และสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับชุมชนเพื่อการแลกเปลี่ยนข้อมูลและประสบการณ์ หน่วยงานราชการควรให้การสนับสนุนด้านงบและนโยบาย ส่วนชุมชนควรให้ความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูลและเป็นแหล่งเรียนรู้ที่สำคัญ
การขยายผลของ KRAWE Model สามารถทำได้หลายวิธี การจัดประชุมวิชาการเพื่อเผยแพร่ผลงานและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ การเขียนคู่มือการใช้งานที่ละเอียดและเข้าใจง่าย การจัดอบรมเชิงปฏิบัติการสำหรับครูผู้สอนจากโรงเรียนอื่น และการสร้างชุมชนการเรียนรู้ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ การสนับสนุนจากภาครัฐและเอกชนจะช่วยให้การขยายผลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและครอบคลุมพื้นที่กว้างขวางมากขึ้น
การวัดผลความสำเร็จของ KRAWE Model ควรทำอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง การประเมินผลทั้งในระยะสั้นและระยะยาว การติดตามพัฒนาการของนักเรียนหลังจากจบการเรียนในระดับประถมศึกษา และการสำรวจความพึงพอใจของผู้ปกครองและชุมชน ข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ในการปรับปรุงและพัฒนารูปแบบให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
การรับรองรางวัลทรงคุณค่า “เสมาเพชรดอกแก้ว” สะท้อนถึงความสำคัญของนวัตกรรมการศึกษาที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง KRAWE Model เป็นตัวอย่างที่ดีของการผสมผสานระหว่างภูมิปัญญาท้องถิ่นกับหลักการทางการศึกษาสมัยใหม่ การให้ความสำคัญกับทักษะการอ่านและการเขียนที่เป็นรากฐานของการเรียนรู้ และการสร้างความเชื่อมโยงระหว่างโรงเรียนกับชุมชน
ในอนาคต KRAWE Model มีศักยภาพที่จะพัฒนาต่อยอดไปในหลายทิศทาง การนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยในการค้นคว้าและการนำเสนอ การขยายขอบเขตไปยังวิชาอื่นๆ การพัฒนาให้เหมาะสมกับนักเรียนในระดับชั้นอื่น และการสร้างเครือข่ายระหว่างโรงเรียนในพื้นที่ต่างๆ เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นร่วมกัน
ความสำเร็จของ KRAWE Model ไม่ได้วัดจากการได้รับรางวัลเท่านั้น แต่วัดจากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับนักเรียน ครู และชุมชน นักเรียนที่ผ่านกระบวนการเรียนรู้นี้จะมีทักษะและเจตคติที่ดีต่อการเรียนรู้ภาษาไทยและประวัติศาสตร์ ครูผู้สอนจะได้ประสบการณ์ในการจัดการเรียนรู้แบบใหม่ที่เน้นการมีส่วนร่วมของผู้เรียนและชุมชน ส่วนชุมชนจะได้เห็นคุณค่าของมรดกทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของตนเองผ่านสายตาของเยาวชน
การศึกษาไทยในอนาคตต้องการนวัตกรรมที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 แต่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมไทยไว้ KRAWE Model เป็นหนึ่งในแนวทางที่แสดงให้เห็นว่าการผสมผสานระหว่างสิ่งเก่าและสิ่งใหม่สามารถสร้างประโยชน์ให้กับการศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ การได้รับการยอมรับผ่านรางวัลทรงคุณค่าจึงไม่ใช่จุดสิ้นสุด แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาและขยายผลเพื่อให้เด็กไทยทุกคนได้รับประโยชน์จากนวัตกรรมการศึกษาที่มีคุณภาพนี้
ด้วย KRAWE Model หรือกวีโมเดล เราได้เห็นแนวทางใหม่ในการพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนบทร้อยกรองที่ไม่เพียงแต่ช่วยยกระดับความสามารถทางภาษาไทยของนักเรียน แต่ยังช่วยสร้างความรักและความภาคภูมิใจในมรดกทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ท้องถิ่น การเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ตรงและการมีส่วนร่วมของชุมชนจะช่วยให้การศึกษามีความหมายและสร้างผลกระทบที่ยั่งยืนต่อการพัฒนาสังคมไทยในอนาคต
ตัวอย่างไฟล์เอกสาร





