สวัสดีเพื่อนๆ สมาชิก ครูต้นไผ่ดอทคอม ทุกท่านครับ วันนี้พบกับ ครูต้นไผ่ดอทคอม เช่นเคยครับ วันนี้แอดมินมีไฟล์มาแนะนำให้เพื่อนๆ สมาชิกได้ดาวน์โหลดไปใช้งาน เป็นไฟล์ คู่มือผู้ฝึกสอนกรีฑา T-Certificate ซึ่งเพื่อนๆ สมาชิกสามารถดาวน์โหลดนำไปศึกษาและนำไปเป็นแนวทาง ในการเรียนรู้คู่มือผู้ฝึกสอนกรีฑา T-Certificate ได้ครับ แอดมินขอแนะนำไฟล์ คู่มือผู้ฝึกสอนกรีฑา T-Certificate ตามรายละเอียดดังนี้ ครับ
ดาวน์โหลด คู่มือผู้ฝึกสอนกรีฑา T-Certificate โดยกรมพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

เส้นทางสู่ความเป็นเลิศในการฝึกสอนกรีฑา คู่มือครบครันสำหรับผู้ฝึกสอน T-Certificate ที่จะเปลี่ยนชีวิตของคุณ
การเป็นผู้ฝึกสอนกรีฑาในประเทศไทยถือเป็นอาชีพที่ทรงเกียรติและเต็มไปด้วยความท้าทาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องได้รับการรับรองมาตรฐาน T-Certificate ซึ่งเป็นใบรับรองที่แสดงถึงความเป็นมืออาชีพและความสามารถในการถ่ายทอดเทคนิคการแข่งขันกรีฑาให้กับนักกีฬาได้อย่างมีประสิทธิภาพ การได้รับใบรับรองนี้ไม่เพียงแต่จะยกระดับความน่าเชื่อถือของคุณในฐานะผู้ฝึกสอน แต่ยังเปิดโอกาสในการประกอบอาชีพและสร้างรายได้ที่มั่นคงในวงการกีฬาไทยอีกด้วย
ความเป็นมาของ T-Certificate ในประเทศไทยเริ่มต้นขึ้นจากความต้องการในการพัฒนามาตรฐานการฝึกสอนกีฬากรีฑาให้สอดคล้องกับระดับสากล โดยสมาคมกรีฑาแห่งประเทศไทยร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้จัดทำหลักสูตรการฝึกอบรมผู้ฝึกสอนกรีฑาขึ้น เพื่อสร้างผู้ฝึกสอนที่มีความรู้ความสามารถและเข้าใจหลักการทางวิทยาศาสตร์การกีฬาอย่างลึกซึ้ง หลักสูตรนี้ครอบคลุมทั้งด้านทฤษฎีและปฏิบัติ ตั้งแต่กายวิภาคศาสตร์ สรีรวิทยา จิตวิทยาการกีฬา โภชนาการ การป้องกันและรักษาการบาดเจ็บ ไปจนถึงเทคนิคการฝึกสอนเฉพาะแต่ละประเภทกีฬากรีฑา
การเตรียมตัวเพื่อสอบใบรับรอง T-Certificate ต้องเริ่มต้นจากการศึกษาความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับกีฬากรีฑา ซึ่งแบ่งออกเป็นหลายประเภท ได้แก่ กรีฑาลู่ ได้แก่ การวิ่งระยะสั้น ระยะกลาง ระยะไกล การวิ่งผลัด และการวิ่งข้ามรั้ว กรีฑาลาน ได้แก่ การกระโดดไกล กระโดดสูง กระโดดค้ำ กระโดดสามก้าว การขว้างจักร ขว้างแผ่นโลหะ ขว้างค้อน และการขว้างหอก และกรีฑาถนน ได้แก่ การเดินแข่งขันและการมาราธอน แต่ละประเภทมีเทคนิคและวิธีการฝึกที่แตกต่างกัน ผู้ที่ต้องการได้รับ T-Certificate จำเป็นต้องมีความเข้าใจในทุกประเภทอย่างครบถ้วน
หลักสูตรการอบรม T-Certificate มีระยะเวลาการศึกษาประมาณ 120 ชั่วโมง แบ่งออกเป็นทฤษฎี 60 ชั่วโมง และปฏิบัติ 60 ชั่วโมง โดยผู้เข้าอบรมจะต้องเรียนรู้เกี่ยวกับกายวิภาคศาสตร์และสรีรวิทยาของร่างกายมนุษย์ เพื่อเข้าใจการทำงานของกล้ามเนื้อ กระดูก ข้อต่อ และระบบการไหลเวียนโลหิตขณะออกกำลังกาย หลักการพัฒนาสมรรถภาพทางกายซึ่งประกอบด้วยความแข็งแรง ความเร็ว ความทนทาน ความยืดหยุ่น และการทรงตัว การวางแผนการฝึกทั้งระยะสั้นและระยะยาว การประเมินผลการฝึก การป้องกันและจัดการกับการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้นจากการฝึกซ้อม โภชนาการสำหรับนักกีฬา การให้น้ำและเกลือแร่ การจัดการน้ำหนัก และการเสริมอาหาร จิตวิทยาการกีฬาที่ช่วยในการสร้างแรงจูงใจ การจัดการความเครียด การตั้งเป้าหมาย และการพัฒนาความมั่นใจในตนเอง
ในส่วนของการปฏิบัติ ผู้เข้าอบรมจะได้เรียนรู้เทคนิคการสอนและการสาธิตท่าทางพื้นฐานของแต่ละประเภทกรีฑา การวิเคราะห์ท่าทางและการแก้ไขข้อผิดพลาด การใช้อุปกรณ์ฝึกซ้อม การจัดทำโปรแกรมการฝึกเฉพาะบุคคล การประเมินความก้าวหน้าของนักกีฬา และการจัดการสนามฝึกให้ปลอดภัย การฝึกปฏิบัตินี้จะทำให้ผู้เข้าอบรมได้ประสบการณ์ตรงในการเป็นผู้ฝึกสอน และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการฝึกสอนจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การสอบเพื่อรับใบรับรอง T-Certificate ประกอบด้วยการสอบข้อเขียนและการสอบปฏิบัติ สอบข้อเขียนจะครอบคลุมเนื้อหาทางทฤษฎีทั้งหมดที่ได้เรียนมา โดยคำถามจะมีทั้งแบบปรนัย อัตนัย และกรณีศึกษา ผู้สอบต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 จึงจะผ่านการสอบข้อเขียน ส่วนการสอบปฏิบัติจะประเมินจากการสาธิตการสอนกรีฑาประเภทหนึ่งที่ผู้สอบเลือก โดยจะต้องแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการถ่ายทอดเทคนิค การแก้ไขข้อผิดพลาด การสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการเรียนรู้ และการจัดการสถานการณ์ต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการฝึกซ้อม
เมื่อผ่านการสอบแล้ว ผู้ได้รับใบรับรอง T-Certificate จะต้องเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษามาตรฐานและต่ออายุใบรับรอง โดยทุกปีจะต้องเข้าร่วมกิจกรรมการพัฒนาไม่น้อยกว่า 20 ชั่วโมง ซึ่งอาจเป็นการเข้าร่วมสัมมนา การอบรมเพิ่มเติม การเข้าร่วมกิจกรรมวิชาการ หรือการศึกษาดูงานทั้งในประเทศและต่างประเทศ การเรียนรู้อย่างต่อเนื่องนี้จะช่วยให้ผู้ฝึกสอนทันสมัยกับองค์ความรู้ใหม่ๆ และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการกีฬา
โอกาสในการทำงานของผู้ได้รับ T-Certificate มีหลากหลายและน่าสนใจ สามารถเป็นผู้ฝึกสอนในโรงเรียน มหาวิทยาลัย สโมสรกีฬา ศูนย์กีฬาเอกชน หรือเป็นผู้ฝึกสอนส่วนตัว นอกจากนี้ยังสามารถทำงานในหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องกับการกีฬา เช่น การกีฬาแห่งประเทศไทย สำนักงานการกีฬาจังหวัด หรือหน่วยงานกีฬาในสถาบันการศึกษาต่างๆ รายได้ของผู้ฝึกสอนที่มี T-Certificate อยู่ในระดับที่ดี โดยเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 25,000-60,000 บาทต่อเดือน ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ สถานที่ทำงาน และความสามารถพิเศษของแต่ละบุคคล
การเป็นผู้ฝึกสอนกรีฑาที่ดีไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่การมีใบรับรองเท่านั้น แต่ต้องมีคุณสมบัติด้านอื่นๆ ประกอบด้วย ความอดทน เพราะการฝึกซ้อมเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลานานและต้องทำซ้ำหลายครั้ง ความเป็นผู้นำที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักกีฬา ความสามารถในการสื่อสารที่ชัดเจนและเข้าใจง่าย ความเป็นแบบอย่างที่ดีทั้งในด้านพฤติกรรมและการดำเนินชีวิต ความรู้ที่กว้างขวางไม่เพียงแต่ในด้านกีฬาเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง และความสามารถในการปรับตัวกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่นำมาใช้ในการฝึกซ้อม
เทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาทในการฝึกสอนกรีฑาสมัยใหม่มีมากมาย ตั้งแต่การใช้แอปพลิเคชันในการวิเคราะห์การเคลื่อนไหว การใช้เซนเซอร์ในการวัดความเร็วและความแรง การถ่ายวิดีโอเพื่อวิเคราะห์ท่าทาง การใช้เครื่องมือวัดความฟิตของร่างกาย และการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ในการจัดทำแผนการฝึก ผู้ฝึกสอนที่ทันสมัยจำเป็นต้องเรียนรู้และนำเทคโนโลยีเหล่านี้มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อนักกีฬา
การดูแลสุขภาพและความปลอดภัยของนักกีฬาเป็นหน้าที่สำคัญของผู้ฝึกสอน ต้องมีความรู้เกี่ยวกับการป้องกันการบาดเจ็บ การปฐมพยาบาลเบื้องต้น การจัดการกับอาการบาดเจ็บเฉียบพลัน การประเมินความพร้อมของนักกีฬาก่อนเข้าร่วมการฝึกซ้อม การจัดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการฝึก และการประสานงานกับทีมแพทย์กีฬาเมื่อจำเป็น นอกจากนี้ยังต้องเข้าใจถึงสัญญาณเตือนของร่างกายที่บ่งบอกถึงการฝึกซ้อมมากเกินไป
การจัดทำแผนการฝึกที่มีประสิทธิภาพต้องคำนึงถึงหลายปัจจัย ได้แก่ วัตถุประสงค์ของการฝึก ระดับความสามารถปัจจุบันของนักกีฬา เวลาที่มีอยู่สำหรับการฝึก อุปกรณ์และสถานที่ฝึก ปฏิทินการแข่งขัน และลักษณะเฉพาะของแต่ละบุคคล แผนการฝึกควรมีการกำหนดเป้าหมายระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวอย่างชัดเจน มีการกระจายความหนักของการฝึกอย่างเหมาะสม มีช่วงพักผ่อนที่เพียงพอ และมีการประเมินผลอย่างสม่ำเสมอ
ความสำคัญของโภชนาการต่อนักกีฬากรีฑาไม่สามารถมองข้ามได้ ผู้ฝึกสอนต้องมีความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับหลักโภชนาการ ความต้องการพลังงานของนักกีฬาในแต่ละประเภท การเลือกอาหารก่อน ระหว่าง และหลังการฝึกซ้อม การดื่มน้ำและการเสริมเกลือแร่ การจัดการน้ำหนักตัวสำหรับนักกีฬาบางประเภท และการใช้อาหารเสริมอย่างปลอดภัย นอกจากนี้ยังต้องเข้าใจถึงข้อห้ามเกี่ยวกับสารต้องห้ามในการกีฬา และแนะนำให้นักกีฬาหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่อาจมีส่วนผสมของสารเหล่านี้
จิตวิทยาการกีฬามีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จของนักกีฬา ผู้ฝึกสอนต้องเป็นนักจิตวิทยาเบื้องต้นที่สามารถสร้างแรงจูงใจ ช่วยจัดการความเครียดและความวิตกกังวล สอนเทคนิคการผ่อนคลายและการเตรียมจิตใจก่อนการแข่งขัน ช่วยในการตั้งเป้าหมายที่เป็นไปได้และท้าทาย สร้างความมั่นใจในตนเอง และจัดการกับความล้มเหลวอย่างสร้างสรรค์ การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้และการพัฒนาตนเองเป็นสิ่งที่ผู้ฝึกสอนต้องให้ความสำคัญ
การทำงานเป็นทีมกับผู้เชี่ยวชาญด้านอื่นๆ เป็นสิ่งจำเป็นในการฝึกนักกีฬาระดับสูง ผู้ฝึกสอนต้องสามารถประสานงานกับแพทย์กีฬา นักกายภาพบำบัด นักโภชนาการ นักจิตวิทยากีฬา ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์การเคลื่อนไหว และผู้ปกครองหรือครอบครัวของนักกีฬา การทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้นักกีฬาได้รับการดูแลอย่างครอบคลุมและพัฒนาศักยภาพได้เต็มที่
การพัฒนาตนเองของผู้ฝึกสอนไม่ควรหยุดนิ่ง ควรมีการศึกษาหาความรู้ใหม่ๆ อย่างสม่ำเสมอ เข้าร่วมการประชุมวิชาการ อ่านวารสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง เรียนรู้จากผู้ฝึกสอนที่มีประสบการณ์ ทดลองใช้วิธีการฝึกใหม่ๆ และประเมินผลการฝึกของตนเองอย่างสม่ำเสมอ การเป็นผู้ฝึกสอนที่ดีต้องมีใจรักในการเรียนรู้และพร้อมที่จะปรับปรุงตนเองอยู่เสมอ
ข้อผิดพลาดที่ผู้ฝึกสอนมือใหม่มักพบเจอได้แก่ การคาดหวังผลลัพธ์เร็วเกินไป การฝึกหนักจนเกินไป การไม่ให้ความสำคัญกับการพักผ่อน การไม่ปรับเปลี่ยนแผนการฝึกตามความเหมาะสม การไม่ฟังความเห็นของนักกีฬา การขาดการสื่อสารที่ชัดเจน และการไม่คำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล การหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดเหล่านี้จะช่วยให้การฝึกสอนมีประสิทธิภาพมากขึ้น
สภาพแวดล้อมในการฝึกซ้อมมีผลกระทบอย่างมากต่อประสิทธิภาพของการฝึก ผู้ฝึกสอนต้องดูแลให้สนามและอุปกรณ์อยู่ในสภาพที่ปลอดภัยและเหมาะสม มีการระบายอากาศที่ดี แสงสว่างเพียงพอ อุณหภูมิที่เหมาะสม และมีน้ำดื่มสะอาดเพียงพอ การจัดเวลาฝึกให้เหมาะสมกับสภาพอากาศและความพร้อมของนักกีฬาก็เป็นสิ่งสำคัญ
คู่มือผู้ฝึกสอนกรีฑา T-Certificate
คู่มือผู้ฝึกสอนกรีฑาเล่มนี้กรมพลศึกษา โดยสถาบันพัฒนาบุคลากรการพลศึกษาและการกีฬาได้จัดทำ ขึ้นเพื่อเผยแพร่ความรู้ ใช้ประกอบการฝึกอบรมผู้ฝึกสอนกรีฑา
และให้ผู้ฝึกสอนกรีฑาได้ใช้เป็นคู่มือในการฝึกสอนกรีฑาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้การดำ เนินการจัดทำคู่มือเล่มนี้ได้รับความร่วมมือจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งมีความรู้ความสามารถ
และประสบการณ์ด้านการเป็นผู้ฝึกสอนกรีฑามาเป็นที่ปรึกษาและร่วมจัดทำต้นฉบับ
ความหมายของกรีฑา
ได้มีผู้รวบรวมความหมายของกรีฑาไว้ดังนี้
ชุมพล ปานเกตุ (2531 : 1) ได้ให้ความหมายไว้ว่า กรีฑา หมายถึง กิจกรรมทางด้านร่างกายที่ประกอบด้วยการกระทำที่เป็นไปอย่างธรรมชาติของมนุษย์ซึ่งได้แก่ การวิ่งกระโดดและการทุ่ม ขว้าง พุ่ง หรืออาจกล่าวได้ว่า การเล่นกรีฑานั้นเริ่มมีมาตั้งแต่มนุษย์ได้ถือกำเนิดขึ้นในโลก
ชัยสิทธิ์ สุริยจันทร์, เพิ่มศักดิ์ สุริยจันทร์ และวัฒนา สุริยจันทร์ (2525 : 32) ได้ให้ความหมายของกรีฑาไว้ว่า กรีฑาแผนกลู่ คือ กรีฑาประเภทที่ต้องแข่งขันกับบนทางวิ่ง
และใช้การวิ่งเป็นส่วนสำคัญ ตัดสินกันด้วยเวลาและความเร็ว เช่น การวิ่งระยะต่างๆ กรีฑาแผนกลาน คือ กรีฑาประเภทที่ต้องประลองความไกลหรือความสูงบนลานกว้างๆ เช่น
การกระโดด ทุ่ม พุ่ง ขว้าง เป็นต้น
อุทัย สงวนพงศ์ (2533 : 4) ได้ให้ความหมายไว้ว่า กรีฑา หมายถึง กีฬาชนิดหนึ่งที่ประกอบด้วยการวิ่ง การกระโดด การพุ่ง การทุ่มและการขว้าง
ฟอง เกิดแก้ว และสวัสดิ์ ทรัพย์จำนง (2524 : 1) กล่าวว่า กรีฑา เป็นกีฬาชนิดหนึ่งซึ่งแยกการแข่งขันออกเป็นสองประเภท คือ ประเภทลู่และประเภทลาน จากที่กล่าวมาแล้วพอสรุปได้ว่า กรีฑา หมายถึง กีฬาชนิดหนึ่งซึ่งแยกการประลองออกเป็นแผนกลู ่ที่ต้องแข ่งขันบนทางวิ่ง และใช้การวิ่งเป็นส ่วนสำคัญ ตัดสินกันด้วยเวลาและความเร็ว ส่วนแผนกลานประลองบนลานกว้างๆ ด้วยการกระโดด ทุ่ม พุ่ง และขว้าง ตัดสินกันด้วยระยะทางของความไกลหรือความสูง
ความเป็นมาของกรีฑา
สุภารัตน์ วรทอง (2537 : 1-4) ได้เรียบเรียงถึงประวัติและวิวัฒนาการของกรีฑาไว้เป็นลำดับ ตั้งแต่สมัยแรกถึงปัจจุบันไว้ว่า กรีฑานับว่าเป็นกีฬาที่เก่าแก่ที่สุดที่เกิดขึ้นมาพร้อมกับมนุษย์เพราะในสมัยโบราณมนุษย์ต้องต่อสู้กับภัยธรรมชาติและเผชิญกับความดุร้ายของสัตว์ป่านานาชนิด และต้องใช้ถ้ำเป็นที่อยู่อาศัย การที่มนุษย์ออกไปหาอาหารมาเลี้ยงชีพต้องป้องกันตนเองจากสัตว์ร้าย บางครั้งต้องวิ่งหนีอย่างรวดเร็วเพื่อหนีสัตว์ร้ายถ้าเทียบกับปัจจุบันก็เป็นการวิ่งระยะสั้น หากวิ่งหนีหรือวิ่งไล่ติดตามจับสัตว์มาเป็นอาหาร โดยวิ่งเป็นเวลานาน ๆเทียบได้กับ การวิ่งระยะไกลหรือวิ่งทนนั่นเอง ในบางครั้งขณะที่วิ่ง เมื่อมีต้นไม้กิ่งไม้หรือหินขวางหน้าก็ต้องกระโดดข้ามไป ปัจจุบันจึงกลายเป็นการวิ่งกระโดดข้ามรั้วและวิ่งกระโดดสูงการวิ่งกระโดดข้ามลำธารเล็กๆ แคบๆ เป็นช่วงติดต่อกัน ได้กลายมาเป็นการวิ่งกระโดดไกลและการเขย่งก้าวกระโดด แต่ถ้าลำธารหรือเหวนั้นกว้าง ไม่สามารถกระโดดอย่างธรรมดาได้ จำเป็นต้องหาไม้ยาวๆ มาปักกลางลำธารหรือแง ่หินแล้วโหนตัวข้ามไปยังอีกฝั่งหนึ่งก็กลายมาเป็นการกระโดดค้ำ การใช้หอกหรือหลาวที่ทำด้วยไม้ยาวๆ เป็นอาวุธพุ่งฆ่าสัตว์ ปัจจุบันได้กลายมาเป็นพุ่งแหลน เป็นต้น
ตัวอย่างไฟล์เอกสาร

