วันเสาร์, ตุลาคม 18, 2025
spot_img
หน้าแรกดาวน์โหลดฟรีแจกฟรี รายงานการวิจัยในชั้นเรียน “การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การเขียนสื่อสารภาษาไทย โดยใช้แบบฝึกทักษะการเขียนเพื่อการสื่อสาร กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา...

แจกฟรี รายงานการวิจัยในชั้นเรียน “การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การเขียนสื่อสารภาษาไทย โดยใช้แบบฝึกทักษะการเขียนเพื่อการสื่อสาร กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566” ไฟล์ เวิร์ด แก้ไขได้


สวัสดีเพื่อนๆ สมาชิก ครูต้นไผ่ดอทคอม ทุกท่านครับ วันนี้พบกับ ครูต้นไผ่ดอทคอม เช่นเคยครับ วันนี้แอดมินมีไฟล์มาแนะนำให้เพื่อนๆ สมาชิกได้ดาวน์โหลดไปใช้งาน เป็นไฟล์ รายงานการวิจัยในชั้นเรียน “การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การเขียนสื่อสารภาษาไทย โดยใช้แบบฝึกทักษะการเขียนเพื่อการสื่อสาร กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566” ซึ่งเพื่อนๆ สมาชิกสามารถดาวน์โหลดนำไปศึกษาและนำไปเป็นแนวทางในการดำเนินการจัดทำ รายงานการวิจัยในชั้นเรียน “การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การเขียนสื่อสารภาษาไทย โดยใช้แบบฝึกทักษะการเขียนเพื่อการสื่อสาร กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566” ได้ครับ แอดมินขอแนะนำไฟล์ รายงานการวิจัยในชั้นเรียน “การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การเขียนสื่อสารภาษาไทย โดยใช้แบบฝึกทักษะการเขียนเพื่อการสื่อสาร กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566” ตามรายละเอียดดังนี้ ครับ

แจกฟรี รายงานการวิจัยในชั้นเรียน “การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การเขียนสื่อสารภาษาไทย โดยใช้แบบฝึกทักษะการเขียนเพื่อการสื่อสาร กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566” ไฟล์ เวิร์ด แก้ไขได้

การยกระดับทักษะการเขียนสื่อสารภาษาไทยของนักเรียนมัธยมต้นด้วยนวัตกรรมแบบฝึกทักษะเฉพาะ

การพัฒนาทักษะการเขียนสื่อสารภาษาไทยในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นถือเป็นความท้าทายสำคัญที่ครูผู้สอนและสถานศึกษาต้องเผชิญในยุคปัจจุบัน เนื่องจากนักเรียนส่วนใหญ่มักประสบปัญหาในการถ่ายทอดความคิดผ่านการเขียน ไม่สามารถจัดระเบียบเนื้อหาได้อย่างเป็นระบบ และขาดทักษะในการใช้ภาษาให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ของการสื่อสาร

การวิจัยในชั้นเรียนครั้งนี้มุ่งศึกษาการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่องการเขียนสื่อสารภาษาไทยโดยใช้แบบฝึกทักษะการเขียนเพื่อการสื่อสารเฉพาะสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ในกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ซึ่งดำเนินการในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 โดยมีจุดประสงค์เพื่อยกระดับความสามารถในการเขียนของนักเรียนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ปัญหาที่พบในการเรียนการสอนการเขียนสื่อสารภาษาไทยมีหลายประการ ได้แก่ นักเรียนไม่สามารถวางโครงเรื่องได้อย่างชัดเจน มีปัญหาในการเลือกใช้คำศัพท์และรูปประโยคให้เหมาะสม ขาดการเชื่อมโยงเนื้อหาระหว่างวรรคให้สัมพันธ์กัน และไม่เข้าใจหลักการเขียนเพื่อการสื่อสารในรูปแบบต่างๆ เช่น การเขียนเรียงความ การเขียนจดหมาย การเขียนรายงาน หรือการเขียนเพื่อโน้มน้าวใจ

นอกจากนี้ยังพบว่านักเรียนมักขาดแรงจูงใจในการเขียน เนื่องจากรู้สึกว่าการเขียนเป็นเรื่องยาก น่าเบื่อ และไม่เห็นประโยชน์ในชีวิตประจำวัน การสอนแบบเดิมที่เน้นการบรรยายและการให้นักเรียนเขียนโดยไม่มีการฝึกทักษะเฉพาะทำให้ผลการเรียนรู้ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้

จากปัญหาดังกล่าวจึงเป็นที่มาของการพัฒนาแบบฝึกทักษะการเขียนเพื่อการสื่อสารที่มีลักษณะเฉพาะ โดยออกแบบให้สอดคล้องกับธรรมชาติการเรียนรู้ของนักเรียนวัยรุ่น มีเนื้อหาที่น่าสนใจ และสามารถนำไปใช้ในชีวิตจริงได้

วัตถุประสงค์ของการวิจัยครั้งนี้มี 3 ประการหลัก ประการแรก เพื่อพัฒนาแบบฝึกทักษะการเขียนเพื่อการสื่อสารสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ให้มีคุณภาพและมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนด ประการที่สอง เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนและหลังการใช้แบบฝึกทักษะการเขียนเพื่อการสื่อสาร และประการที่สาม เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการใช้แบบฝึกทักษะการเขียนเพื่อการสื่อสาร

การดำเนินการวิจัยใช้วิธีการวิจัยเชิงทดลองแบบกลุ่มเดียววัดก่อนและหลังการทดลอง โดยมีกลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 30 คน ซึ่งได้มาจากการเลือกแบบเจาะจงจากโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งหนึ่งในจังหวัดอุบลราชธานี

กระบวนการวิจัยเริ่มต้นจากการศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการเขียนสื่อสารภาษาไทย ทฤษฎีการเรียนรู้ และการพัฒนาสื่อการเรียนการสอน จากนั้นจึงสำรวจสภาพปัญหาในการเรียนการสอนการเขียนสื่อสารภาษาไทยของนักเรียนกลุ่มตัวอย่าง ผ่านการสังเกตการณ์สอน การสัมภาษณ์นักเรียน และการทดสอบความสามารถเบื้องต้น

การพัฒนาแบบฝึกทักษะการเขียนเพื่อการสื่อสารได้ผ่านกระบวนการที่ละเอียดและเป็นระบบ โดยเริ่มจากการวิเคราะห์หลักสูตรและจุดประสงค์การเรียนรู้ในเรื่องการเขียนสื่อสารภาษาไทย จากนั้นออกแบบโครงสร้างของแบบฝึกให้ครอบคลุมทักษะการเขียนหลัก 5 ด้าน ได้แก่ การวางแผนการเขียน การจัดลำดับความคิด การใช้ภาษาให้เหมาะสม การเชื่อมโยงเนื้อหา และการตรวจทานแก้ไข

แบบฝึกทักษะที่พัฒนาขึ้นประกอบด้วย 8 ชุด แต่ละชุดใช้เวลา 2 คาบเรียน มีกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น การฝึกเขียนโครงเรื่อง การเขียนย่อหน้าเปิด การพัฒนาเนื้อหาสาระ การเขียนย่อหน้าปิด และการประเมินผลงานร่วมกัน โดยในแต่ละกิจกรรมได้นำเทคนิคการเรียนรู้แบบร่วมมือ การเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน และการเรียนรู้ผ่านการปฏิบัติมาประยุกต์ใช้

เนื้อหาในแบบฝึกทักษะได้รับการคัดสรรให้เหมาะสมกับวัยและความสนใจของนักเรียนมัธยมต้น โดยเลือกหัวข้อที่ใกล้ตัวและสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ เช่น การเขียนจดหมายถึงเพื่อน การเขียนรายงานการท่องเที่ยว การเขียนเรียงความเกี่ยวกับอาชีพในฝัน และการเขียนเพื่อแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นสังคม

การประเมินคุณภาพของแบบฝึกทักษะได้ดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการสอนภาษาไทยและการพัฒนาสื่อการเรียนการสอน จำนวน 5 ท่าน ผลการประเมินแสดงให้เห็นว่าแบบฝึกทักษะมีคุณภาพอยู่ในระดับดีมากในทุกด้าน โดยมีค่าเฉลี่ยรวม 4.38 จาก 5.00 ซึ่งผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไว้

ขั้นตอนการทดลองใช้แบบฝึกทักษะเริ่มต้นด้วยการทดสอบก่อนเรียนเพื่อวัดความสามารถพื้นฐานในการเขียนสื่อสารของนักเรียน จากนั้นจึงดำเนินการเรียนการสอนโดยใช้แบบฝึกทักษะเป็นเวลา 8 สัปดาห์ ตามแผนการเรียนรู้ที่กำหนดไว้ และปิดท้ายด้วยการทดสอบหลังเรียนเพื่อเปรียบเทียบผลการเรียนรู้

การดำเนินการเรียนการสอนในแต่ละครั้งมีรูปแบบที่ชัดเจน โดยเริ่มจากการทบทวนความรู้เดิม การแนะนำหัวข้อใหม่ การอธิบายเทคนิคการเขียน การฝึกปฏิบัติผ่านแบบฝึก การแลกเปลี่ยนผลงานระหว่างนักเรียน และการสรุปประเด็นสำคัญ ตลอดกระบวนการเรียนรู้ครูทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยความสะดวก ให้คำแนะนำ และช่วยเหลือนักเรียนเป็นรายบุคคลตามความต้องการ

ผลการวิจัยพบว่านักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสстатิสติกที่ระดับ 0.01 โดยคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนเท่ากับ 14.27 คะแนนจากคะแนนเต็ม 30 คะแนน ส่วนคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนเท่ากับ 24.13 คะแนน แสดงให้เห็นว่านักเรียนมีพัฒนาการทางด้านทักษะการเขียนสื่อสารเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน

เมื่อพิจารณาผลสัมฤทธิ์ในรายด้าน พบว่านักเรียนมีการพัฒนาในทุกด้านของการเขียนสื่อสาร โดยด้านที่มีการพัฒนามากที่สุดคือ ด้านการวางแผนการเขียน ซึ่งนักเรียนสามารถจัดโครงเรื่องได้อย่างเป็นระบบมากขึ้น รองลงมาคือด้านการเชื่อมโยงเนื้อหาระหว่างย่อหน้า ทำให้งานเขียนมีความต่อเนื่องและสัมพันธ์กันอย่างชัดเจน

ด้านการใช้ภาษาให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์การสื่อสารก็มีการพัฒนาที่น่าพอใจ นักเรียนเริ่มเลือกใช้คำศัพท์และรูปประโยคให้สอดคล้องกับประเภทของงานเขียนมากขึ้น ด้านการจัดลำดับความคิดนักเรียนสามารถนำเสนอเนื้อหาได้อย่างเป็นลำดับและมีเหตุผล ส่วนด้านการตรวจทานแก้ไขนักเรียนให้ความใส่ใจในการปรับปรุงงานเขียนของตนเองมากขึ้น

การศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการใช้แบบฝึกทักษะการเขียนเพื่อการสื่อสาร พบว่านักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก โดยมีค่าเฉลี่ยรวม 4.21 จาก 5.00 เมื่อพิจารณารายด้านพบว่านักเรียนมีความพึงพอใจมากที่สุดในด้านความเหมาะสมของเนื้อหา รองลงมาคือด้านการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ และด้านการออกแบบแบบฝึกทักษะ

นักเรียนให้ความเห็นว่าแบบฝึกทักษะมีเนื้อหาที่น่าสนใจ ใกล้ตัว และสามารถนำไปใช้ในชีวิตจริงได้ กิจกรรมการเรียนรู้มีความหลากหลาย ไม่น่าเบื่อ ทำให้รู้สึกสนุกกับการเขียนมากขึ้น การออกแบบแบบฝึกมีรูปแบบที่ทันสมัย มีภาพประกอบที่สวยงาม และมีคำแนะนำที่ชัดเจนเข้าใจง่าย

จากการสัมภาษณ์นักเรียนเชิงลึกพบข้อมูลเพิ่มเติมว่านักเรียนส่วนใหญ่รู้สึกว่าตนเองมีความมั่นใจในการเขียนมากขึ้น เริ่มเข้าใจวิธีการวางแผนก่อนเขียน สามารถพัฒนาเนื้อหาให้น่าสนใจยิ่งขึ้น และเรียนรู้วิธีการแก้ไขงานเขียนให้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังระบุว่าการทำงานเป็นกลุ่มและการแลกเปลี่ยนผลงานกันทำให้ได้เรียนรู้จากเพื่อนและมองเห็นจุดที่ต้องปรับปรุงในงานของตนเอง

การสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ของนักเรียนระหว่างการทดลองพบว่านักเรียนมีส่วนร่วมในการเรียนมากขึ้น กล้าแสดงความคิดเห็น ตั้งใจฟังคำแนะนำจากครู และให้ความร่วมมือในกิจกรรมการเรียนรู้เป็นอย่างดี ซึ่งแตกต่างจากพฤติกรรมในการเรียนการเขียนแบบเดิมที่นักเรียนมักแสดงอาการเบื่อหน่าย ไม่สนใจ และไม่มีส่วนร่วม

ผลการวิจัยนี้สอดคล้องกับทฤษฎีการเรียนรู้แบบสร้างสรรค์ที่เน้นให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการสร้างความรู้ด้วยตนเอง และทฤษฎีการเรียนรู้แบบร่วมมือที่ช่วยให้นักเรียนเรียนรู้จากกันและกัน นอกจากนี้ยังสอดคล้องกับงานวิจัยก่อนหน้านี้ที่พบว่าการใช้สื่อการเรียนการสอนที่มีคุณภาพสามารถพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การวิจัยนี้มีข้อจำกัดบางประการ เช่น กลุ่มตัวอย่างมีขนาดเล็กและมาจากโรงเรียนเดียว จึงอาจไม่สามารถนำผลการวิจัยไปใช้ได้ในวงกว้าง ระยะเวลาในการทดลองยังสั้น อาจไม่เพียงพอในการศึกษาผลกระทบระยะยาวของการใช้แบบฝึกทักษะ และการวัดผลยังคงเน้นในด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเป็นหลัก อาจต้องเพิ่มการวัดผลในด้านอื่นๆ เช่น ทัศนคติต่อการเขียน หรือความสามารถในการนำทักษะไปใช้ในสถานการณ์จริง

แนวทางการพัฒนาต่อยอดจากงานวิจัยนี้มีหลายประการ ประการแรก ควรขยายการทดลองไปยังโรงเรียนอื่นๆ และกลุ่มนักเรียนที่หลากหลายมากขึ้นเพื่อยืนยันประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะ ประการที่สอง ควรพัฒนาแบบฝึกทักษะสำหรับระดับชั้นอื่นๆ และประเภทการเขียนที่หลากหลายมากขึ้น ประการที่สาม ควรศึกษาการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาแบบฝึกทักษะให้ทันสมัยและน่าสนใจยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ยังควรพัฒนาระบบการประเมินผลการเขียนที่ครอบคลุมและเชื่อถือได้มากขึ้น ศึกษาการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสานที่เน้นการเขียน และพัฒนาโปรแกรมการฝึกอบรมครูเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสอนการเขียนสื่อสาร

ความหมายของการวิจัยครั้งนี้มีทั้งในเชิงทฤษฎีและปฏิบัติ ในเชิงทฤษฎี การวิจัยนี้เสริมสร้างองค์ความรู้ด้านการเรียนการสอนภาษาไทย โดยเฉพาะในเรื่องการพัฒนาทักษะการเขียนสื่อสาร และแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของการใช้แบบฝึกทักษะที่มีการออกแบบอย่างเป็นระบบ ในเชิงปฏิบัติ ผลการวิจัยสามารถนำไปใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาการเรียนการสอนการเขียนในสถานศึกษาต่างๆ

การวิจัยครั้งนี้ยังชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการเลือกใช้วิธีการสอนที่เหมาะสมกับลักษณะของผู้เรียน การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่มีส่วนร่วม และการใช้สื่อการเรียนการสอนที่มีคุณภาพ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนมีผลต่อการพัฒนาทักษะการเขียนของนักเรียน

ข้อเสนอแนะจากการวิจัยครั้งนี้แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม สำหรับครูผู้สอนภาษาไทย ควรนำแบบฝึกทักษะการเขียนเพื่อการสื่อสารไปใช้ในการเรียนการสอน

การพัฒนาทักษะการเขียนเพื่อการสื่อสาร แนวทางเพิ่มผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษาไทยของนักเรียนชั้น ม.1

ความสำคัญของการพัฒนาทักษะการเขียนเพื่อการสื่อสารในนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1

การเขียนเป็นหนึ่งในทักษะสำคัญที่นักเรียนจำเป็นต้องพัฒนาเพื่อสื่อสารและแสดงออกทางความคิดอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย การเขียนเพื่อการสื่อสารช่วยให้นักเรียนสามารถใช้ภาษาไทยอย่างถูกต้องและเหมาะสม อีกทั้งยังเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการพัฒนาทักษะในด้านอื่น ๆ เช่น การอ่านและการพูด

การวิจัยในชั้นเรียนเรื่อง “การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การเขียนสื่อสารภาษาไทย โดยใช้แบบฝึกทักษะการเขียนเพื่อการสื่อสาร” มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 ผ่านการออกแบบและใช้แบบฝึกทักษะที่เน้นการเรียนรู้เชิงปฏิบัติ การเรียนการสอนที่ผสมผสานระหว่างการฝึกฝน การให้ข้อเสนอแนะ และการประเมินผลอย่างต่อเนื่อง จะช่วยให้นักเรียนพัฒนาทักษะการเขียนที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ในชีวิตประจำวัน

ผลการวิจัยเบื้องต้นพบว่า แบบฝึกทักษะการเขียนช่วยส่งเสริมให้นักเรียนมีความมั่นใจในการใช้ภาษาไทยมากขึ้น ทั้งในด้านไวยากรณ์และการจัดลำดับความคิด ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้นักเรียนสามารถเขียนบทความ เรียงความ หรือข้อความที่เหมาะสมกับบริบทและวัตถุประสงค์ได้ดียิ่งขึ้น

การออกแบบแบบฝึกทักษะการเขียนเพื่อการสื่อสารในชั้นเรียนภาษาไทย

แบบฝึกทักษะการเขียนเพื่อการสื่อสาร เป็นนวัตกรรมที่ออกแบบมาเพื่อสนับสนุนการเรียนรู้ของนักเรียน โดยมีหลักการสำคัญในการจัดกิจกรรมที่เน้นให้ผู้เรียนมีส่วนร่วม และพัฒนาทักษะการเขียนอย่างเป็นระบบ โดยการวิจัยในชั้นเรียนครั้งนี้ มุ่งเน้นการออกแบบแบบฝึกทักษะที่เหมาะสมกับผู้เรียนในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1

แบบฝึกทักษะประกอบด้วย 3 ขั้นตอนสำคัญ ได้แก่

  1. ขั้นตอนการเตรียมตัว: เน้นการสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับโครงสร้างภาษาไทย การใช้คำศัพท์ และการเขียนให้เหมาะสมกับรูปแบบและวัตถุประสงค์
  2. ขั้นตอนการปฏิบัติ: ให้นักเรียนฝึกเขียนข้อความในหลากหลายรูปแบบ เช่น การเขียนบันทึก การเขียนจดหมาย และการเขียนสรุปความ
  3. ขั้นตอนการสะท้อนผล: นักเรียนได้รับข้อเสนอแนะจากครูและเพื่อนร่วมชั้น เพื่อปรับปรุงการเขียนและเรียนรู้จากข้อผิดพลาด

ผลการทดลองใช้แบบฝึกในกลุ่มตัวอย่างแสดงให้เห็นว่า นักเรียนสามารถพัฒนาทักษะการเขียนได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในด้านความชัดเจนและความต่อเนื่องของเนื้อหา

ผลลัพธ์และข้อเสนอแนะจากการพัฒนาทักษะการเขียนภาษาไทยในชั้นเรียน

จากการดำเนินการวิจัยในชั้นเรียนเรื่อง “การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การเขียนสื่อสารภาษาไทย” นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ได้รับประสบการณ์การเรียนรู้ที่ช่วยเพิ่มทักษะการเขียนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีการวัดผลสัมฤทธิ์ก่อนและหลังการใช้แบบฝึกทักษะ

ผลการวิจัยพบว่า

  1. นักเรียนสามารถเขียนสื่อสารได้อย่างคล่องแคล่วและถูกต้องมากขึ้น
  2. นักเรียนมีความมั่นใจในการแสดงออกผ่านการเขียน
  3. คะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 15% เมื่อเปรียบเทียบกับการเรียนการสอนแบบปกติ

ข้อเสนอแนะ

  1. ควรนำแบบฝึกทักษะนี้ไปปรับใช้กับชั้นเรียนอื่น ๆ เพื่อขยายผล
  2. ควรส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีในกระบวนการเรียนการสอน เช่น การใช้โปรแกรมช่วยตรวจสอบไวยากรณ์
  3. ควรพัฒนารูปแบบกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลายและเหมาะสมกับความแตกต่างระหว่างบุคคล

บทสรุปนี้ชี้ให้เห็นว่าการใช้แบบฝึกทักษะการเขียนเพื่อการสื่อสารในกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สามารถเป็นแนวทางสำคัญในการพัฒนาศักยภาพนักเรียนให้สามารถใช้ภาษาไทยได้อย่างมีคุณภาพในทุกบริบท

ตัวอย่างไฟล์เอกสาร


รายงานการวิจัยในชั้นเรียน “การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
รายงานการวิจัยในชั้นเรียน “การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
รายงานการวิจัยในชั้นเรียน “การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน

เอกสารเป็นไฟล์ Word แก้ไขได้

ดาวน์โหลดไฟล์เอกสารจากลิงก์ด้านล่างนี้ นะครับ

ขอบคุณแหล่งที่มา : คุณครูละออ กองรส 

บทความก่อนหน้านี้
บทความถัดไป
บทความที่เกี่ยวข้อง

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

ข่าวยอดนิยม

ความคิดเห็นล่าสุด