สวัสดีเพื่อนๆ สมาชิก ครูต้นไผ่ดอทคอม ทุกท่านครับ วันนี้พบกับ ครูต้นไผ่ดอทคอม เช่นเคยครับ วันนี้แอดมินมีไฟล์มาแนะนำให้เพื่อนๆ สมาชิกได้ดาวน์โหลดไปใช้งาน เป็นไฟล์ รายงานการวิจัยในชั้นเรียน การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง มาตราตัวสะกด ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้หนังสือส่งเสริมการอ่าน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เรื่อง มาตราตัวสะกดร่วมกับแบบฝึกทักษะ ซึ่งเพื่อนๆ สมาชิกสามารถดาวน์โหลดนำศึกษาและนำไปเป็นแนวทางในการจัดทำรายงานการวิจัยในชั้นเรียน การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง มาตราตัวสะกด ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้หนังสือส่งเสริมการอ่าน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เรื่อง มาตราตัวสะกดร่วมกับแบบฝึกทักษะ ตามบริบทของห้องเรียน ได้ครับ แอดมินขอแนะนำไฟล์ รายงานการวิจัยในชั้นเรียน การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง มาตราตัวสะกด ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้หนังสือส่งเสริมการอ่าน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เรื่อง มาตราตัวสะกดร่วมกับแบบฝึกทักษะ ตามรายละเอียดดังนี้ ครับ
เผยแพร่ รายงานการวิจัยในชั้นเรียน การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง มาตราตัวสะกด ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้หนังสือส่งเสริมการอ่าน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เรื่อง มาตราตัวสะกดร่วมกับแบบฝึกทักษะ โดย คุณครูอัจฉรา เพ็งทา

การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนมาตราตัวสะกดของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ด้วยหนังสือส่งเสริมการอ่านและแบบฝึกทักษะ
การศึกษาวิจัยในครั้งนี้มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาความสามารถทางด้านมาตราตัวสะกดของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ซึ่งถือเป็นพื้นฐานสำคัญในการเรียนรู้ภาษาไทยที่จะส่งผลต่อการพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนในระยะยาว การวิจัยนี้ได้นำเสนอแนวทางการจัดการเรียนการสอนที่ผสมผสานระหว่างการใช้หนังสือส่งเสริมการอ่านร่วมกับแบบฝึกทักษะที่ออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อให้สอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานและสามารถตอบสนองความต้องการของผู้เรียนในยุคปัจจุบันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ความสำคัญของการวิจัยครั้งนี้เกิดขึ้นจากการที่พบว่านักเรียนหลายคนยังมีปัญหาในการเขียนคำที่มีมาตราตัวสะกดได้อย่างถูกต้อง ซึ่งส่งผลให้เกิดข้อผิดพลาดในการสื่อสารทางลายลักษณ์อักษรและอาจส่งผลกระทบต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในวิชาอื่นๆ ด้วย การที่นักเรียนไม่สามารถเขียนคำให้ถูกต้องตามหลักมาตราตัวสะกดนั้นไม่เพียงแต่จะทำให้การสื่อสารขาดความชัดเจนเท่านั้น แต่ยังอาจส่งผลต่อความมั่นใจในตนเองของนักเรียนในการเรียนรู้ภาษาไทยอีกด้วย ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนที่สามารถช่วยให้นักเรียนเรียนรู้มาตราตัวสะกดได้อย่างมีประสิทธิภาพและสร้างความสนุกสนานในการเรียนรู้
การดำเนินการวิจัยได้เริ่มต้นจากการศึกษาและวิเคราะห์หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ในส่วนของกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โดยเฉพาะในมาตรฐานการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้องกับการอ่านและการเขียน ซึ่งกำหนดให้นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 สามารถอ่านและเขียนคำที่มีมาตราตัวสะกดได้อย่างถูกต้อง การศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องแสดงให้เห็นว่าการเรียนรู้มาตราตัวสะกดเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและต้องการการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสอดคล้องกับทฤษฎีการเรียนรู้ของนักจิตวิทยาการศึกษาหลายท่านที่เน้นการเรียนรู้ผ่านการปฏิบัติและการเสริมแรง
วัตถุประสงค์หลักของการวิจัยครั้งนี้คือการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่องมาตราตัวสะกดของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ก่อนและหลังการจัดการเรียนการสอนโดยใช้หนังสือส่งเสริมการอ่านร่วมกับแบบฝึกทักษะ นอกจากนี้ยังมุ่งหวังที่จะศึกษาความคิดเห็นและความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อกิจกรรมการเรียนรู้ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ เพื่อให้สามารถนำไปใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น การกำหนดวัตถุประสงค์เหล่านี้ได้คำนึงถึงความสำคัญของการวัดผลที่หลากหลายมิติ ทั้งในด้านความรู้ ทักษะ และเจตคติ ซึ่งจะช่วยให้การประเมินผลการวิจัยมีความครอบคลุมและสะท้อนผลกระทบที่แท้จริงของนวัตกรรมการเรียนการสอนที่ได้พัฒนาขึ้น
สมมติฐานการวิจัยได้ตั้งขึ้นบนพื้นฐานของทฤษฎีการเรียนรู้และประสบการณ์ในการจัดการเรียนการสอนที่ผ่านมา โดยคาดการณ์ว่าหลังจากที่นักเรียนได้รับการจัดการเรียนการสอนโดยใช้หนังสือส่งเสริมการอ่านร่วมกับแบบฝึกทักษะแล้ว จะมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่องมาตราตัวสะกดสูงกว่าก่อนการทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ การตั้งสมมติฐานนี้อิงจากหลักการที่ว่าการเรียนรู้ที่มีความหลากหลายในวิธีการและสื่อการเรียนรู้จะช่วยเสริมสร้างความเข้าใจที่ลึกซึ้งและคงทนมากกว่าการเรียนรู้แบบดั้งเดิมที่อาศัยการบรรยายเป็นหลัก
กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยครั้งนี้เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 30 คน ของโรงเรียนในเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา ซึ่งได้มาจากการสุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง โดยคำนึงถึงความเหมาะสมของระดับการเรียนรู้และความพร้อมของนักเรียนในการเข้าร่วมกิจกรรม การเลือกกลุ่มตัวอย่างได้คำนึงถึงปัจจัยต่างๆ เช่น ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษาไทยในภาคเรียนที่ผ่านมา ความสามารถในการอ่านและเขียนพื้นฐาน และความสนใจในการเรียนรู้ภาษาไทย เพื่อให้มั่นใจว่ากลุ่มตัวอย่างมีความเหมาะสมและสามารถให้ข้อมูลที่มีคุณภาพสำหรับการวิจัยได้
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วยสื่อการเรียนการสอนหลัก คือ หนังสือส่งเสริมการอ่านที่ได้รับการพัฒนาขึ้นเป็นพิเศษเพื่อใช้ในการสอนมาตราตัวสะกด โดยมีเนื้อหาที่น่าสนใจและเหมาะสมกับวัยของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 หนังสือเล่มนี้ได้รับการออกแบบให้มีตัวอย่างคำศัพท์ที่หลากหลายและมีการใช้งานในชีวิตประจำวันของเด็ก เพื่อให้การเรียนรู้เกิดความหมายและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริง นอกจากหนังสือส่งเสริมการอ่านแล้ว ยังมีแบบฝึกทักษะที่ได้รับการพัฒนาขึ้นควบคู่กันไป โดยแบบฝึกทักษะนี้จะมีกิจกรรมที่หลากหลาย ทั้งการเติมคำ การจับคู่ การเขียนคำตามตัวอย่าง และการแก้ไขข้อผิดพลาด ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความเข้าใจและทักษะการใช้มาตราตัวสะกดได้อย่างครอบคลุม
แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนได้รับการพัฒนาขึ้นโดยอิงจากเนื้อหาในหลักสูตรและมาตรฐานการเรียนรู้ที่กำหนดไว้ แบบทดสอบมีลักษณะเป็นข้อสอบปรนัย 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อ ครอบคลุมเนื้อหาเรื่องมาตราตัวสะกดอย่างครบถ้วน ได้แก่ การใช้ตัวสะกด ก ข ง การใช้ตัวสะกด จ ช ซ ฎ ฏ ต ถ ท ธ น บ ป ผ ฝ พ ฟ ภ ม ย ร ล ว ส ห ฬ อ การใช้วรรณยุกต์ และการใช้เครื่องหมายไม้ไผ่ แบบทดสอบได้ผ่านการตรวจสอบคุณภาพจากผู้เชี่ยวชาญในด้านการสอนภาษาไทยและมีค่าความเชื่อมั่นที่เหมาะสม นอกจากนี้ยังมีแบบสอบถามความคิดเห็นและความพึงพอใจที่ใช้สำหรับสำรวจทัศนคติของนักเรียนที่มีต่อกิจกรรมการเรียนรู้ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่
การดำเนินการทดลองได้จัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ที่มีระยะเวลา 8 สัปดาห์ โดยในแต่ละสัปดาห์จะมีการเรียนการสอน 3 คาบ คาบละ 50 นาที รวมทั้งหมด 24 คาบ แผนการจัดการเรียนรู้ได้รับการออกแบบให้มีความต่อเนื่องและเป็นระบบ โดยเริ่มจากการสอนความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับมาตราตัวสะกด จากนั้นจึงค่อยๆ เพิ่มความซับซ้อนของเนื้อหาตามลำดับ ในแต่ละคาบเรียนจะเริ่มต้นด้วยการทบทวนบทเรียนที่ผ่านมา ตามด้วยการนำเสนอเนื้อหาใหม่ผ่านการอ่านหนังสือส่งเสริมการอ่าน การทำกิจกรรมร่วมกัน และการฝึกปฏิบัติผ่านแบบฝึกทักษะ สุดท้ายจะปิดท้ายด้วยการสรุปและการประเมินผลการเรียนรู้
การเก็บรวบรวมข้อมูลได้ดำเนินการอย่างเป็นระบบโดยการทำแบบทดสอบก่อนการทดลอง เพื่อวัดระดับความรู้พื้นฐานของนักเรียนเกี่ยวกับมาตราตัวสะกด จากนั้นจึงดำเนินการจัดการเรียนการสอนตามแผนที่กำหนดไว้ ระหว่างการทดลองมีการสังเกตและบันทึกพฤติกรรมการเรียนรู้ของนักเรียน รวมทั้งการประเมินผลการเรียนรู้ในแต่ละสัปดาห์ เพื่อติดตามความก้าวหน้าและปรับปรุงวิธีการสอนตามความเหมาะสม หลังจากสิ้นสุดการทดลองจึงทำแบบทดสอบหลังการทดลองและแบบสอบถามความคิดเห็นและความพึงพอใจ การเก็บข้อมูลทั้งหมดได้คำนึงถึงความถูกต้องและความน่าเชื่อถือของข้อมูล โดยมีการตรวจสอบความถูกต้องของการให้คะแนนและการบันทึกข้อมูลอย่างละเอียด
การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติพื้นฐานและสถิติที่ซับซ้อนตามความเหมาะสมของประเภทข้อมูล สำหรับข้อมูลคะแนนจากแบบทดสอบก่อนและหลังการทดลองใช้การทดสอบค่าที เพื่อเปรียบเทียบความแตกต่างของคะแนนเฉลี่ย การวิเคราะห์เพิ่มเติมรวมถึงการหาค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการแจกแจงของคะแนน เพื่อให้เห็นภาพรวมของผลการเรียนรู้ สำหรับข้อมูลจากแบบสอบถามความคิดเห็นและความพึงพอใจใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ และค่าเฉลี่ย ในการนำเสนอผลการสำรวจ การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพจากการสังเกตและการบันทึกพฤติกรรมใช้การวิเคราะห์เนื้อหาและการจัดกลุ่มตามธีม เพื่อให้เห็นรูปแบบและแนวโน้มของพฤติกรรมการเรียนรู้ของนักเรียน
ผลการวิจัยแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของการใช้หนังสือส่งเสริมการอ่านร่วมกับแบบฝึกทักษะในการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่องมาตราตัวสะกดของนักเรียนอย่างชัดเจน คะแนนเฉลี่ยจากแบบทดสอบก่อนการทดลองอยู่ที่ 62.50 คะแนน ในขณะที่คะแนนเฉลี่ยหลังการทดลองเพิ่มขึ้นเป็น 81.20 คะแนน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 การทดสอบค่าที แสดงผลลัพธ์ที่ t = 12.85 ซึ่งมากกว่าค่าวิกฤติที่กำหนดไว้ จึงสามารถยอมรับสมมติฐานการวิจัยได้ นอกจากนี้การวิเคราะห์ข้อมูลย่อยยังพบว่านักเรียนมีการพัฒนาในทุกด้านของมาตราตัวสะกด โดยเฉพาะการใช้ตัวสะกดในท้ายคำและการใช้วรรณยุกต์ ซึ่งเป็นจุดที่นักเรียนมักมีปัญหามากที่สุดในการเรียนรู้
การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกยังพบว่านักเรียนที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำในตอนเริ่มต้นมีอัตราการพัฒนาที่สูงกว่านักเรียนที่มีผลสัมฤทธิ์สูงตั้งแต่ต้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่าวิธีการเรียนการสอนที่พัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพในการช่วยเหลือนักเรียนที่มีความต้องการพิเศษ การสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ระหว่างการทดลองพบว่านักเรียนมีความตั้งใจและมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้มากขึ้น โดยเฉพาะในขณะที่อ่านหนังสือส่งเสริมการอ่านและทำแบบฝึกทักษะ นักเรียนแสดงความสนใจและความกระตือรือร้นที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาของการทดลอง ซึ่งเป็นตัวชี้วัดที่ดีของความสำเร็จของนวัตกรรมการเรียนการสอน
ผลการสำรวจความคิดเห็นและความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อกิจกรรมการเรียนรู้แสดงให้เห็นถึงการยอมรับและความชื่นชอบต่อวิธีการเรียนการสอนใหม่ นักเรียนร้อยละ 93.33 ระบุว่าชอบการเรียนผ่านหนังสือส่งเสริมการอ่าน เนื่องจากมีเรื่องราวที่น่าสนใจและตัวอย่างที่เข้าใจง่าย ในขณะที่นักเรียนร้อยละ 86.67 แสดงความพึงพอใจต่อแบบฝึกทักษะ โดยระบุว่ากิจกรรมมีความหลากหลายและไม่น่าเบื่อ นักเรียนร้อยละ 90.00 เห็นว่าการเรียนรู้ด้วยวิธีนี้ช่วยให้เข้าใจมาตราตัวสะกดได้ดีขึ้น และร้อยละ 88.33 ระบุว่าต้องการให้มีการเรียนการสอนในลักษณะนี้ต่อไปในอนาคต ข้อมูลเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จของนวัตกรรมการเรียนการสอนในมิติของความพึงพอใจและการยอมรับจากผู้เรียน
การวิเคราะห์ปัจจัยที่มีผลต่อความสำเร็จของการวิจัยพบว่าหนังสือส่งเสริมการอ่านที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมีบทบาทสำคัญในการสร้างความสนใจและการมีส่วนร่วมของนักเรียน เนื้อหาที่เข้าใจง่าย ภาพประกอบที่สวยงามและเหมาะสม และตัวอย่างที่ใกล้เคียงกับชีวิตจริงของเด็ก ทำให้การเรียนรู้เกิดความหมายและสามารถจดจำได้ง่าย แบบฝึกทักษะที่มีความหลากหลาย
ตัวอย่างไฟล์เอกสาร

