วันศุกร์, พฤศจิกายน 14, 2025
spot_img
หน้าแรกดาวน์โหลดฟรีดาวน์โหลด คู่มือครูและผู้ปกครองการเสริมสร้างทักษะสมอง EF สำหรับเด็กปฐมวัย โดยโรงเรียนในเครือข่าย มหาวิทยาลัยสวนดุสิต

ดาวน์โหลด คู่มือครูและผู้ปกครองการเสริมสร้างทักษะสมอง EF สำหรับเด็กปฐมวัย โดยโรงเรียนในเครือข่าย มหาวิทยาลัยสวนดุสิต


สวัสดีเพื่อนๆ สมาชิก ครูต้นไผ่ดอทคอม ทุกท่านครับ วันนี้พบกับ ครูต้นไผ่ดอทคอม เช่นเคยครับ วันนี้แอดมินมีไฟล์มาแนะนำให้เพื่อนๆ สมาชิกได้ดาวน์โหลดไปใช้งาน เป็นไฟล์ คู่มือครูและผู้ปกครองการเสริมสร้างทักษะสมอง EF สำหรับเด็กปฐมวัย ซึ่งเพื่อนๆ สมาชิกสามารถดาวน์โหลดนำไปศึกษาและนำไปเป็นแนวทาง ในการเรียนรู้ตามคู่มือครูและผู้ปกครองการเสริมสร้างทักษะสมอง EF สำหรับเด็กปฐมวัย ให้กับนักเรียน ตามบริบทของห้องเรียน ได้ครับ แอดมินขอแนะนำไฟล์ คู่มือครูและผู้ปกครองการเสริมสร้างทักษะสมอง EF สำหรับเด็กปฐมวัย ตามรายละเอียดดังนี้ ครับ

ดาวน์โหลด คู่มือครูและผู้ปกครองการเสริมสร้างทักษะสมอง EF สำหรับเด็กปฐมวัย โดยโรงเรียนในเครือข่าย มหาวิทยาลัยสวนดุสิต


เปิดศักยภาพสมองลูกน้อย คู่มือครูและผู้ปกครองในการเสริมสร้างทักษะสมอง Executive Function สำหรับเด็กปฐมวัย

การพัฒนาทักษะสมอง Executive Function หรือ EF เป็นรากฐานสำคัญที่จะส่งผลต่อความสำเร็จของเด็กในอนาคต ทักษะเหล่านี้เป็นเสมือนระบบควบคุมของสมองที่ช่วยให้เด็กสามารถวางแผน จดจำ ควบคุมอารมณ์ และปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม สำหรับครูและผู้ปกครองในประเทศไทย การเข้าใจและนำไปปฏิบัติจริงจะช่วยให้เด็กๆ เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพและประสบความสำเร็จในชีวิต

ทักษะ Executive Function ประกอบด้วยความสามารถหลักสามด้าน ได้แก่ ความจำเชิงปฏิบัติการ การยับยั้งชั่งใจ และความยืดหยุ่นทางปัญญา ทักษะเหล่านี้เริ่มพัฒนาตั้งแต่เด็กอายุ 3-7 ปี และจะค่อยๆ เจริญเติบโตไปจนถึงวัยผู้ใหญ่ตอนต้น การเสริมสร้างทักษะเหล่านี้ในช่วงปฐมวัยจึงเป็นช่วงทองที่สำคัญที่สุด

ความจำเชิงปฏิบัติการเป็นความสามารถในการจดจำข้อมูลและใช้ข้อมูลนั้นในการดำเนินกิจกรรม เด็กที่มีทักษะนี้ดีจะสามารถจำคำแนะนำได้หลายขั้นตอน เช่น “ไปล้างมือ แล้วมานั่งกินข้าว” เด็กจะจำได้ว่าต้องทำอะไรบ้างและทำตามลำดับ ครูและผู้ปกครองสามารถเสริมสร้างทักษะนี้ได้โดยการให้เด็กท่องเพลงที่มีจังหวะ เล่นเกมจำรูปแบบ หรือเล่นเกม “ฉันไปตลาดแล้วซื้อ…” ที่ต้องจำรายการของที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

การยับยั้งชั่งใจหรือการควบคุมตนเองเป็นความสามารถในการหยุดการกระทำที่ไม่เหมาะสม ไตร่ตรองก่อนทำ และสามารถต้านทานสิ่งล่อใจได้ เด็กที่มีทักษะนี้ดีจะสามารถรอคิวก่อนเล่นของเล่น ไม่แย่งของจากเพื่อน หรือนั่งฟังเรื่องเล่าได้โดยไม่ขัดจังหวะ กิจกรรมที่ช่วยพัฒนาทักษะนี้ ได้แก่ เกม “แกะ หิน กรรไกร” เกม “แดงหยุด เขียวเดิน” หรือกิจกรรมการเล่นดนตรีที่ต้องรอจังหวะ

ความยืดหยุ่นทางปัญญาเป็นความสามารถในการปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรมให้เข้ากับสถานการณ์ใหม่ เด็กที่มีทักษะนี้ดีจะสามารถเปลี่ยนจากการเล่นเกมหนึ่งไปสู่อีกเกมหนึ่งได้อย่างราบรื่น หรือปรับตัวเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงกิจวัตรประจำวัน การส่งเสริมทักษะนี้สามารถทำได้ด้วยการเล่นเกมที่มีกฎเปลี่ยนแปลงไป การให้เด็กแยกประเภทสิ่งของตามหลักเกณฑ์ที่แตกต่างกัน เช่น แยกตามสี แล้วเปลี่ยนเป็นแยกตามรูปร่าง

การพัฒนาทักษะ EF ในบริบทการศึกษาไทยต้องคำนึงถึงวัฒนธรรมและค่านิยมของเรา การสอนที่เน้นการทำตามคำสั่งอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ ครูควรสร้างโอกาสให้เด็กได้คิด ตัดสินใจ และแก้ปัญหาด้วยตนเอง การใช้นิทานพื้นบ้านไทยในการสอนสามารถช่วยพัฒนาทักษะ EF ได้เป็นอย่างดี เช่น เรื่องกบกับวัวที่สอนเรื่องการคิดก่อนทำ หรือเรื่องเต่ากับกระต่ายที่สอนเรื่องความอดทนและการวางแผน

กิจกรรมศิลปะและหัตถกรรมเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการพัฒนาทักษะ EF การวาดรูป การตัดแปะ การปั้นดิน หรือการทำงานประดิษฐ์ต่างๆ ต้องใช้การวางแผน การจำขั้นตอน และการควบคุมมือ เด็กจะได้เรียนรู้ที่จะอดทนทำงานให้เสร็จ แก้ไขเมื่อผิดพลาด และปรับปรุงผลงานของตนเองอย่างต่อเนื่อง การให้เด็กเล่านิทานหรือเล่าเหตุการณ์ที่ผ่านมายังช่วยพัฒนาความจำเชิงปฏิบัติการและทักษะการจัดลำดับเหตุการณ์

เกมและการเล่นเป็นวิธีที่เด็กเรียนรู้ได้ดีที่สุด เกมไพ่หรือเกมกระดานง่ายๆ ช่วยพัฒนาความจำ การคิดกลยุทธ์ และการควบคุมอารมณ์เมื่อแพ้หรือชนะ การเล่นซ่อนหาช่วยพัฒนาความจำเชิงพื้นที่ การเล่นบทบาทสมมติช่วยพัฒนาความยืดหยุ่นทางปัญญา กิจกรรมกลุ่มที่เด็กต้องร่วมมือกันทำงานช่วยสอนการฟังผู้อื่น การรอคิว และการแบ่งปัน

การใช้เทคโนโลยีในการพัฒนาทักษะ EF ควรทำอย่างระมัดระวัง แอพพลิเคชันและเกมดิจิทัลบางตัวสามารถช่วยพัฒนาทักษะได้ แต่ไม่ควรแทนที่การเล่นและการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นในโลกจริง การใช้เทคโนโลยีควรเป็นเครื่องมือเสริมเท่านั้น และต้องมีผู้ใหญ่คอยดูแลและให้คำแนะนำ

สิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนาทักษะ EF ต้องมีความเป็นระเบียบแต่ไม่เครียดเกินไป เด็กต้องรู้ว่าสิ่งของอยู่ที่ไหน กิจวัตรประจำวันเป็นอย่างไร และสิ่งที่คาดหวังจากพวกเขาคืออะไร ขณะเดียวกันก็ต้องมีความยืดหยุ่นและพื้นที่สำหรับความคิดสร้างสรรค์ การจัดมุมต่างๆ ในห้องเรียนหรือที่บ้าน เช่น มุมอ่านหนังสือ มุมเล่น มุมศิลปะ ช่วยให้เด็กได้เลือกกิจกรรมและวางแผนการใช้เวลาของตนเอง

การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาทักษะ EF แทนที่จะใช้คำสั่งสั้นๆ เช่น “นั่งเงียบ” ผู้ใหญ่ควรอธิบายเหตุผลและให้ตัวเลือก เช่น “ตอนนี้เวลาฟังเรื่องเล่าแล้ว ลูกอยากนั่งข้างแม่หรือนั่งบนเบาะ” การถามคำถามที่เปิดกว้างช่วยให้เด็กได้คิดและวางแผน เช่น “ลูกคิดว่าถ้าเราจะทำขนมคุกกี้ เราต้องเตรียมอะไรบ้าง”

การให้คำชมเชยที่เฉพาะเจาะจงช่วยเสริมสร้างพฤติกรรมที่พึงประสงค์ แทนที่จะพูดว่า “เก่ง” ควรพูดว่า “แม่ชอบที่ลูกรอให้เพื่อนพูดจบก่อนที่จะพูด” การยอมรับความผิดพลาดเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ช่วยให้เด็กไม่กลัวที่จะลองผิดลองถูก เมื่อเด็กทำผิด ผู้ใหญ่ควรถามว่า “เกิดอะไรขึ้น ครั้งหน้าเราจะทำอย่างไร” แทนที่จะดุหรือลงโทษ

ปัจจัยด้านร่างกายก็มีผลต่อการพัฒนาทักษะ EF การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอช่วยเพิ่มสารสื่อประสาทที่สำคัญต่อการทำงานของสมอง การนอนหลับที่เพียงพอมีความสำคัญต่อการจัดระเบียบความทรงจำและการฟื้นฟูสมอง อาหารที่มีประโยชน์โดยเฉพาะอาหารที่มีโอเมก้า 3 และสารต้านอนุมูลอิสระช่วยสนับสนุนการทำงานของสมอง

การจัดการอารมณ์เป็นส่วนสำคัญของทักษะ EF เด็กต้องเรียนรู้ที่จะรู้จักอารมณ์ของตนเอง ควบคุมอารมณ์ และแสดงออกอย่างเหมาะสม ผู้ใหญ่สามารถช่วยโดยการเป็นแบบอย่างที่ดี สอนเทคนิคการหายใจลึก การนับเลข หรือการหาทางออกที่สร้างสรรค์เมื่อเกิดปัญหา การอ่านหนังสือเรื่องอารมณ์ต่างๆ ช่วยให้เด็กเข้าใจและจัดการกับความรู้สึกได้ดีขึ้น

การวางแผนและการจัดการเวลาเป็นทักษะที่ต้องฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง การใช้ตารางภาพประจำวัน การให้เด็กช่วยวางแผนกิจกรรมวันหยุด หรือการให้เด็กเลือกเสื้อผ้าสำหรับวันถัดไปล่วงหน้า ล้วนเป็นวิธีที่ดีในการฝึกทักษะเหล่านี้ การให้เด็กมีหน้าที่รับผิดชอบง่ายๆ เช่น การให้อาหารปลา การรดน้ำต้นไม้ ช่วยสอนความรับผิดชอบและการวางแผน

การแก้ปัญหาเป็นทักษะ EF ที่สำคัญมาก เมื่อเด็กเจอปัญหา ผู้ใหญ่ไม่ควรรีบไปแก้ให้ แต่ควรถามคำถามที่นำทางให้เด็กได้คิดหาคำตอบเอง เช่น “เกิดอะไรขึ้น”, “ลูกคิดว่ามีวิธีไหนแก้ได้บ้าง”, “ถ้าลองวิธีนี้แล้วจะเกิดอะไรขึ้น” การให้เด็กได้เล่นเกมจิ๊กซอว์ เกมต่อบล็อก หรือกิจกรรมที่ต้องหาทางออกช่วยพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา

การทำงานร่วมกับผู้อื่นช่วยพัฒนาทักษะ EF หลายด้าน เด็กต้องเรียนรู้ที่จะฟังความคิดเห็นของผู้อื่น แบ่งปันความคิดของตนเอง ประนีประนอมเมื่อมีความขัดแย้ง และทำงานร่วมกันเพื่อเป้าหมายเดียวกัน กิจกรรมกลุ่มเล็กๆ เช่น การทำอาหารร่วมกัน การปลูกผักสวนครัว หรือการทำโปรเจคศิลปะร่วมกันเป็นวิธีที่ดีในการฝึกทักษะเหล่านี้

การสร้างความเชื่อมโยงระหว่างการเรียนรู้กับประสบการณ์จริงช่วยให้เด็กเข้าใจและจดจำได้ดีขึ้น การพาเด็กไปตลาดและให้เด็กช่วยคิดว่าต้องซื้ออะไรบ้าง การไปเที่ยวสวนสาธารณะและให้เด็กสังเกตธรรมชาติ หรือการทำกิจกรรมที่บ้านและให้เด็กเป็นผู้ช่วยเล็กๆ ล้วนช่วยพัฒนาทักษะ EF ไปพร้อมๆ กับการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี

การใช้เพลงและจังหวะในการเรียนรู้มีประสิทธิภาพสูงสำหรับเด็กปฐมวัย เพลงช่วยให้จำได้ง่ายและสนุก การแต่งเพลงสำหรับกิจวัตรประจำวัน เช่น เพลงล้างมือ เพลงเก็บของเล่น ช่วยให้เด็กจำขั้นตอนต่างๆ ได้ดี การเล่นเครื่องดนตรีเบื้องต้น การร้องเพลงเป็นกลุ่ม หรือการเต้นรำตามจังหวะช่วยพัฒนาการควบคุมตนเองและการประสานสมอง

การประเมินพัฒนาการทักษะ EF ควรทำอย่างต่อเนื่องและละเอียดอ่อน การสังเกตพฤติกรรมในสถานการณ์ต่างๆ การบันทึกความก้าวหน้า และการปรับกิจกรรมให้เหมาะสมกับระดับพัฒนาการของเด็กแต่ละคน ผู้ใหญ่ควรระลึกว่าเด็กแต่ละคนพัฒนาในจังหวะที่แตกต่างกัน การเปรียบเทียบกับเด็กคนอื่นอาจไม่เหมาะสม

การสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างบ้านและโรงเรียนมีความสำคัญ ครูและผู้ปกครองควรติดต่อสื่อสารกันอย่างสม่ำเสมอ แลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับพัฒนาการและพฤติกรรมของเด็ก และร่วมกันวางแผนกิจกรรมที่สนับสนุนการพัฒนาทักษะ EF การจัดกิจกรรมร่วมกันระหว่างครอบครัวช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์และการเรียนรู้

ความท้าทายในการพัฒนาทักษะ EF ในบริบทไทยมีหลายประการ วัฒนธรรมที่เน้นการเชื่อฟังอาจขัดแย้งกับการส่งเสริมให้เด็กคิดเองตัดสินใจเอง การขาดแคลนทรัพยากรในบางพื้นที่อาจจำกัดกิจกรรมที่หลากหลาย ความกดดันจากการแข่งขันทางการศึกษาอาจทำให้มุ่งเน้นผลสัมฤทธิ์ทางวิชาการมากกว่าการพัฒนาทักษะชีวิต

อย่างไรก็ตาม เราสามารถเอาชนะความท้าทายเหล่านี้ได้ด้วยความคิดสร้างสรรค์และการปรับใช้ให้เหมาะสม การใช้วัสดุในท้องถิ่น การประยุกต์เกมพื้นบ้าน การสร้างกิจกรรมที่ไม่ต้องใช้ต้นทุนสูง และการเน้นคุณค่าของการเรียนรู้มากกว่าการแข่งขันช่วยให้การพัฒนาทักษะ EF เป็นไปได้สำหรับทุกคน

การดูแลตนเองของผู้ใหญ่ก็มีความสำคัญ ครูและผู้ปกครองที่มีความเครียดสูงจะส่งผลกระทบต่อการพัฒนาทักษะ EF ของเด็ก การจัดการความเครียด การหาเวลาพักผ่อน และการดูแลสุขภาพจิตของตนเองช่วยให้สามารถเป็นแบบอย่างที่ดีและให้การสนับสนุนที่มีคุณภาพแก่เด็ก

การติดตามผลระยะยาวเป็นสิ่งสำคัญ ทักษะ EF ที่พัฒนาในช่วงปฐมวัยจะส่งผลต่อความสำเร็จในการศึกษา การทำงาน และการใช้ชีวิตในอนาคต การบันทึกและติดตามความก้าวหน้าช่วยให้เห็นผลของการลงทุนในการพัฒนาทักษะเหล่านี้ และสามารถปรับปรุงวิธีการให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

การสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ที่ทุกคนมีส่วนร่วมช่วยให้การพัฒนาทักษะ EF เป็นไปอย่างยั่งยืน การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ การสนับสนุนกันและกัน และการร่วมกันแก้ไขปัญหาจะสร้างสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการเติบโตของเด็กไทยให้เป็นผู้ใหญ่ที่มีทักษะการใช้ชีวิตที่ดีและประสบความสำเร็จในอนาคต

การลงทุนในการพัฒนาทักษะ EF ของเด็กปฐมวัยเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับอนาคตของเด็ก ครอบครัว และสังคม ด้วยความรักความเอาใจใส่ และการปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง เด็กไทยจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพและสามารถสร้างสรรค์สังคมที่ดีกว่าต่อไป

คู่มือครูและผู้ปกครองการเสริมสร้างทักษะสมอง EF สำหรับเด็กปฐมวัย

คู่มือครูและผู้ปกครอง การเสริมสร้างทักษะสมอง EF สำหรับเด็กปฐมวัยนี้เป็นผลงานที่เรียบเรียงจากงานวิจัยเรื่อง “การพัฒนารูปแบบการเสริมสร้างทักษะสมอง-อีเอฟสำหรับเด็กปฐมวัย โดยใช้กระบวนการมีส่วนร่วม ในโรงเรียนเครือข่าย มหาวิทยาลัยสวนดุสิต” ซึ่งได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยงบประมาณแผ่นดิน (ด้านวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้าง/องค์ความรู้ที่มีศักยภาพ) ประจำปีงบประมาณ 2561 จากสำำนัักงานคณะกรรมการวิจัยแห่่งชาติ(วช.) รวมทั้้งการประมวลองค์ความรู้้เรื่องทักษะสมอง EFจากการได้เข้าร่วมประชุุมเชิงปฏิบัติการในฐานะเครือข่่าย Thailand EF Partnership

โลกในศตวรรษที่ 21 ที่เด็กกำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบันเป็นโลกที่มีความไม่แน่นอนและมีความซับซ้อนมากเพราะเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทำให้โลกทั้งโลกเชื่อมโยงและสื่อสารถึงกันได้อย่างรวดเร็วเป็นโลกไร้พรมแดน จึงเป็นทั้งวิกฤติและโอกาสไปพร้อม ๆ กันเด็ก เยาวชนหรือผู้ใหญ่อาจมีชีวิตที่ติดหล่มตกเป็นทาสของสิ่งเร้าทั้งหลายได้ง่าย จากการศึกษาวิจัยที่ก้าวหน้าทันสมัยของนักวิทยาศาสตร์นานาชาติหลากหลายสาขาในปัจจุบัน ทั้งด้านประสาทวิทยาศาสตร์ จิตวิทยา และด้านการศึกษาพบว่าการพัฒนาศักยภาพเด็กและเยาวชนให้เป็นทุนมนุษย์ที่มีคุณภาพเพื่อตอบโจทย์โลกยุคใหม่ให้ได้นั้นจำเป็นต้องพัฒนาไปด้วยความเข้าใจต่อธรรมชาติและการทำงานของสมองเป็นสำคัญ

พัฒนาการของสมอง

สมองของมนุษย์มีความสำคัญต่อการพัฒนาศักยภาพ ประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก ๆ ได้แก่ส่วนที่หนึ่ง สมองส่วนสัญชาตญาณ
สมองส่วนนี้มีการพัฒนามาตั้งแต่เกิด ทำหน้าที่เกี่ยวกับการป้องกันตัวเองจากอันตรายต่าง ๆ ที่จะเข้ามาเพื่อทำให้ชีวิตอยู่รอดและมักทำงานร่วมกันกับสมองส่วนอารมณ์กระตุ้นให้มนุษย์เอาตัวรอดจาก“ความรู้สึกไม ่ปลอดภัย” เมื่ออยู่ในภาวะคับขัน ตึงเครียดหวาดกลัว สมองจะตอบสนองโดยใช้สมองส่วนสัญชาตญาณ ที่จะออกมาเพียง 3 แบบ ซึ่งถ้าเกิดขึ้นซ้ำๆ มักส่งผลทางลบกับการพัฒนาตัวตน (self) ของเด็ก

  1. การตอบสนองแบบ “สู้” (fight) เด็กหลายคนจึงพัฒนามาเป็นคนก้าวร้าว รุนแรง ใช้อารมณ์และหลายรายก็กลายร่างมาเป็น “อาชญากร” แม้ในวัยเยาว์
  2. การตอบสนองแบบ “หนี” (flight) เด็กหลายคนจึงหลบเลี่ยงความผิด โกหก และหลีกเลี่ยงการเผชิญสิ่งใหม่ ๆ เพราะไม่อยากผิดพลาด “ฉันทำไม่ได้” “ฉันไม่ได้เรื่อง” ซึ่งต่อมามีผลกับการพัฒนาโรควิตกกังวล ซึมเศร้าในผู้ใหญ่
  3. การตอบสนองแบบ “ยอม” (freeze) เด็กหลายคนเหมือนจะว่าง่าย เพราะทำตามด้วยความกลัวไม้เรียว แต่ลึก ๆ จะพัฒนาความรู้สึก “ฉันสู้เขาไม่ได้” “ฉันมันไม่ดีพอ” พัฒนาความนับถือตัวเองที่ต่ำไปจนถึงวันที่รู้สึกว่า “ฉันไม่เคยมีตัวตน”

ส่วนที่สอง สมองส่วนอารมณ์

ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ความรู้สึก การเรียนรู้และจดจำ หากผู้ใหญ่ ทำให้เด็กเกิดอารมณ์ที่ไม่มั่นคงปลอดภัย เด็กจะจำไว้ไม่ลืมฝังลึกลงในความจำระยะยาวแล้วจะนำออกมาใช้ในการตีความหมายในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งนำมาแสดงออกเป็นพฤติกรรมทันทีเพราะสมองส่วนสัญชาตญาณและสมองส่วนอารมณ์ทำงานร่วมกันและไม่ยอมให้สมองส่วน EF ได้ร่วมทำงานด้วย

ส่วนที่สาม สมองส่วนหน้า

เป็นพื้นที่ปฏิบัติงานของ EF ซึ่งจะเจริญเต็มที่เมื่ออายุประมาณ 25 ปีทำหน้าที่เกี่ยวกับการคิดวิเคราะห์วางแผน ตัดสินใจและแก้ปัญหาสามารถทำงานร่วมกับสมองอีกสองส่วนได้ เมื่อสมองส่วนสัญชาตญาณและสมองส่วนอารมณ์ได้รับความมั่นคงปลอดภัย

ตัวอย่างไฟล์เอกสาร


คู่มือครูและผู้ปกครองการเสริมสร้างทักษะสมอง EF สำหรับเด็กปฐมวัย
คู่มือครูและผู้ปกครองการเสริมสร้างทักษะสมอง EF สำหรับเด็กปฐมวัย

เอกสารเป็นไฟล์ PDF

ดาวน์โหลดไฟล์เอกสารจากลิงก์ด้านล่างนี้ นะครับ

ขอบคุณแหล่งที่มา : โรงเรียนในเครือข่าย มหาวิทยาลัยสวนดุสิต

บทความที่เกี่ยวข้อง

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

ข่าวยอดนิยม

ความคิดเห็นล่าสุด